เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค มี.ค. ลดลงครั้งแรกในรอบ 8 เดือน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน มี.ค. ว่า ดัชนีทุกรายการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนนับตั้งแต่เดือน ส.ค.66 เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมากังวลว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า ประกอบกับ ราคาพลังงานสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน และผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลาง ที่อาจยืดเยื้อบานปลาย ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวล่าช้า

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.67 อยู่ที่ 63.0 ลดจาก 63.8 ในเดือน ก.พ.67 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบัน อยู่ที่ 46.0 ลดจาก 46.9 และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต อยู่ที่ 71.2 ลดจาก 71.9 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 56.9 ลดจาก 57.7 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางาน อยู่ที่ 59.8 ลดจาก 60.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 72.2 ลดจาก 73.2

“ดัชนีเดือน มี.ค.ลดลงเล็กน้อย แสดงว่าเศรษฐกิจที่คาดหวังว่าจะโต และฟื้นตัวดีขึ้น แต่กลับแผ่วแรง อาจมาจากราคาพลังงานเริ่มสูง โดยเฉพาะเบนซิน ค่าครองชีพสูง และเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว ไม่คึกคัก จากพืชผลทางการเกษตรที่ออกสู่มือเกษตรกรไม่มาก เพราะเสียหายจากภัยแล้ง แม้ราคาพืชผลเกษตรสูง แต่รายได้เกษตรกรยังติดลบ”

นอกจากนี้ งบประมาณแผ่นดินยังไม่ถูกใช้ ซึ่งรัฐบาลเริ่มมีสัญญาณที่จะเร่งรัดเบิกจ่ายงบปี 67 ในเดือน เม.ย.67 ดังนั้น สัญญาณที่เกิดขึ้นในเดือน มี.ค. จึงเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 1/67 ดูแผ่วลง คาดโต 1.5-2.0% อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น จากการเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 โครงการดิจิทัล วอลเล็ต มาตรการกระตุ้นอสังหา ซึ่งจะมีผลให้ทั้งปี 67 เศรษฐกิจขยายตัวได้เกินกว่า 2.7%.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่