นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยความคืบหน้าการส่งเสริมหลักประกันทางธุรกิจว่า นับตั้งแต่เริ่มใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.2559 จนถึงขณะนี้มีผู้ประกอบการนำหลักประกันทางธุรกิจ ทั้งที่เป็นสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ เช่น รถยนต์ เรือ ทรัพย์สินทางปัญญา สต๊อกสินค้า ต้นไม้ เครื่องจักร มาใช้เป็นหลักทรัพย์ขอสินเชื่อกับสถาบัน การเงินได้แล้ว คิดเป็นมูลค่าสินค้าที่เป็นหลักประกัน 16.99 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวนการจดทะเบียน สัญญาหลักประกันทางธุรกิจ 830,288 คำขอ
“กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อได้มาก เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันการเพิ่มสัดส่วนมูลค่าของเอสเอ็มอีในผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ให้ได้ 40% ของจีดีพีภายในปี 2570 แต่ขณะนี้ยังมีผู้ประกอบการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจอยู่มาก จึงให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ รวมถึงเจรจากับสถาบันการเงิน พิจารณาปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจที่นำหลักประกันมาใช้ให้สะดวกขึ้น หลังจากที่ผ่านมาได้ยินว่ามีหลายๆธนาคารปฏิเสธการปล่อยกู้ หรือเข้มงวดเงื่อนไข พร้อมกับขอให้คิดดอกเบี้ยอัตราต่ำพิเศษอีกด้วย”
ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) 5 หน่วยงาน กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมเจ้าท่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมการขนส่งทางบก เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับทรัพย์มีทะเบียนให้สามารถตรวจสอบข้อมูลการคิดหลักประกันได้จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยงานที่ร่วมลงนามเอ็มโอยู ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังได้จัดงานมหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจ ที่กระทรวงพาณิชย์ระหว่างวันที่ 27-28 มี.ค. เพื่อเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีใช้ประโยชน์จาก พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 เข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยมีสถาบันการเงินเข้าร่วมหลายแห่ง นำเสนอดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 4% ต่อไป เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจหรือทรัพย์สินที่ใช้ประกอบธุรกิจอยู่แล้วมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการชำระหนี้ได้
สำหรับทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจที่นำมาประเมินได้ ทั้งกิจการ, สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก สิทธิการเช่า ลูกหนี้การค้า สัญญาจ้าง สัญญาซื้อขาย, สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ เครื่องจักร รถยนต์, อสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน, สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และไม้ยืนต้น คาดว่างานมหกรรมทรัพย์หลักประกันทางธุรกิจที่จัดขึ้น มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก มียอดใช้จ่ายซื้อสินค้าภายในงานประมาณ 1.8 ล้านบาท.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่