ศึกจีดีพีจะเชื่อรัฐบาลได้แค่ไหน?

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ศึกจีดีพีจะเชื่อรัฐบาลได้แค่ไหน?

Date Time: 26 ม.ค. 2567 05:27 น.

Latest

“อุตสาหกรรมแบตเตอรี่”  จิ๊กซอว์ที่ต้องต่อให้เต็ม สานฝันไทย “ฮับผลิต EV” ภูมิภาค

ก็ทำให้ช็อกกันทั้งประเทศ เมื่อ คุณชัย วัชรงค์ โฆษกสำนักนายกฯ ได้เผยแพร่เอกสารแถลงข่าวของกระทรวงการคลังที่ตีตรา “ลับ” ให้กับสื่อมวลชนในไลน์ เอกสารข่าวระบุว่า จีดีพีไทยปี 2566 เติบโตเพียง 1.8% เท่านั้น เทียบกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี 2566 ว่าจะเติบโตถึง 3.6% ถือเป็นการเติบโตที่ถดถอยลงกว่าปี 2565 ที่เติบโต 2.6% เมื่อโฆษกสำนักนายกฯนำข่าวลับมาเผยแพร่ นักข่าวก็ออกข่าวทันที สร้างความตื่นตกใจให้กับนักธุรกิจและตลาดเงินตลาดทุนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยร่วงไป 13.38 จุด มูลค่าตลาดหายไปไม่รู้กี่พันกี่หมื่นล้านบาท

ก่อนเที่ยง คุณชัย โฆษกรัฐบาล ก็ลบเอกสารลับนี้ออก และชี้แจงว่า รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง ยังเป็นเพียงฉบับร่างเท่านั้น ยังต้องตรวจทานความถูกต้องทั้งตัวเลขและข้อความ โปรดอย่าเพิ่งนำออกไปเผยแพร่ จนกว่าจะได้รับการยืนยันเป็นทางการ

ไม่มีใครรู้เจตนาที่แท้จริงของ คุณชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล ที่นำร่างแถลงข่าวที่ตีตราลับของกระทรวงการคลังมาเผยแพร่กับนักข่าวล่วงหน้าแล้วก็ลบทิ้งภายหลัง เมื่อดูเนื้อหาในข่าวที่ระบุว่า “จีดีพีปี 2566 เติบโตเพียง 1.8% เทียบกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี 2566 ว่าจะเติบโตถึง 3.6%” ดูแล้วเหมือนต้องการที่จะ “ดิสเครดิตธนาคารแห่งประเทศไทย” ความจริง ตัวเลขจีดีพีมีการเปลี่ยนแปลงทุกไตรมาส ซึ่งอ้างอิงได้จากการแถลงของ สภาพัฒน์ ในทุกไตรมาส และในข่าวกระทรวงการคลังที่โฆษกรัฐบาลนำมาเผยแพร่ ก็ระบุชัดเจนว่า “เป็นคาดการณ์เมื่อต้นปี 2566” ไม่ใช่คาดการณ์เมื่อสิ้นปี 2566 ตัวเลขคาดการณ์ต้นปีกับสิ้นปีจึงไม่มีทางเหมือนกันแน่นอน

ผมคิดว่า ท่านโฆษกรัฐบาล ที่แถลงข่าว ครม.ทุกสัปดาห์ ย่อมรู้ดีเรื่องตัวเลขจีดีพีเป็นอย่างดี ตัวเลขจีดีพีสิ้นปี 2566 ไม่มีหน่วยงานไหนระบุว่าจะเติบโตถึง 3.6% โดยเฉพาะ ธปท.คาดว่าจะเติบโต 2.4% สภาพัฒน์ คาดว่าจะเติบโต 2.5% และ กระทรวงการคลัง คาดว่าจะเติบโต 2.7% สูงกว่าแบงก์ชาติและสภาพัฒน์ การเผยแพร่ข่าวตัวเลขจีดีพีของโฆษกรัฐบาลครั้งนี้ จึงไม่เป็นธรรมต่อแบงก์ชาติ และสร้างความเสียหายต่อตลาดหุ้น

IMF หรือ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ เสียอีก ที่มองเศรษฐกิจไทยในแง่ดี คาดว่าจีดีพีไทยปี 2567 จะขยายตัวได้ถึง 4.4% ด้วยซ้ำ คณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟ ได้แสดงความพึงพอใจที่เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวหลังโควิด ชื่นชมไทยที่สามารถรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาคไว้ได้ แม้จะเผชิญกับวิกฤติหลายด้านก็ตาม เพียงแต่เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน และ แนวโน้มยังไม่แน่นอน ไอเอ็มเอฟแนะนำให้ไทย ปรับนโยบายการคลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติจากสถานการณ์คลังที่จำกัด และปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง ขจัดความซับซ้อนด้านกฎระเบียบ เพิ่มศักยภาพให้แรงงาน เพื่อกระตุ้นขีดความสามารถในการผลิตและเติบโต

สรุปแล้วไม่มีใครเห็นว่า เศรษฐกิจไทยวิกฤติ ไม่ว่า แบงก์ชาติ สภาพัฒน์ ธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ รวมทั้ง ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจทุกแบงก์ อย่างไรก็ตามบ่าย 2 วันพุธ คุณพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โฆษกกระทรวงการคลัง ก็ได้แถลงข่าว “ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 และ 2567” อย่างเป็นทางการความว่า

“เศรษฐกิจไทยปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 1.8 ต่อปีและขยายตัวร้อยละ 2.8 ต่อปี ในปี 2567 ต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์โลก และความผันผวนของนโยบายการเงินและตลาดเงินโลก ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด” ตัวเลขจีดีพีปี 66 เติบโต 1.8% ถือว่าต่ำจนน่าตกใจ แต่ไม่มีคาดการณ์จีดีพีของแบงก์ชาติต้นปี 66 ก็ถือว่าแฟร์ แต่ตัวเลขจีดีพี 3 หน่วยงานเศรษฐกิจสำคัญของรัฐ คลัง แบงก์ชาติ สภาพัฒน์ ขัดแย้งกันเองแบบนี้ นักลงทุนที่ไหนจะมีความเชื่อมั่นกับอนาคตของประเทศไทย โปรดเอาสมองที่มีสติช่วยกันตรองดูหน่อยเถิด.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ