ทุ่ม 2 พันล้านเพิ่มกำลังผลิต "มาม่า" พร้อมลุยตลาดจีน-เวียดนาม

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ทุ่ม 2 พันล้านเพิ่มกำลังผลิต "มาม่า" พร้อมลุยตลาดจีน-เวียดนาม

Date Time: 13 ต.ค. 2566 06:36 น.

Summary

  • มาม่าจ่อลงทุนสร้างโรงงานใหม่ 2,000 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิต หลังโรงงานเดิม 5 แห่งเริ่มเต็มกำลังผลิตแล้ว พร้อมหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมทั้งการขึ้นค่าแรง

Latest

“อุตสาหกรรมแบตเตอรี่”  จิ๊กซอว์ที่ต้องต่อให้เต็ม สานฝันไทย “ฮับผลิต EV” ภูมิภาค

มาม่าจ่อลงทุนสร้างโรงงานใหม่ 2,000 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิต หลังโรงงานเดิม 5 แห่งเริ่มเต็มกำลังผลิตแล้ว พร้อมหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมทั้งการขึ้นค่าแรง ยอมรับปีนี้กำไรดีขึ้นหลังรัฐไฟเขียวให้ขึ้นราคา พร้อมกลับไปลุยตลาดจีน–เวียดนาม หลังคนจีนหันมาชอบดาราไทยและสินค้าไทย

นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA เปิดเผยว่า มาม่าเตรียมแผนการลงทุนอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใหม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกทำเลในเขตอีอีซีใกล้กับโรงงานเดิมที่ จ.ชลบุรี หรือ จ.ระยอง แต่หากราคาที่ดินแพงเกินไปจะพิจารณาไปที่เขตพื้นที่เศรษฐกิจที่รัฐบาลให้สิทธิพิเศษ อาจเป็นบริเวณภาคอีสานแถบลุ่มน้ำโขง โดยคาดว่าจะสรุปผลภายในปีหน้าและเริ่มก่อสร้างให้แล้วเสร็จเพื่อดำเนินการผลิตภายใน 3 ปี

ทั้งนี้ การลงทุนเนื่องจากโรงงานผลิตเดิมจำนวน 5 แห่งในประเทศเริ่มเต็มกำลังการผลิต เหลือเพียงโรงงานที่ จ.ระยองเท่านั้นที่สามารถขยายเพิ่มได้อีกเพียงสายการผลิตเดียว โดยปีหน้าจะลงทุนในส่วนนี้เพิ่มอีก 200 ล้านบาท ดังนั้น ต้องเตรียมการในอนาคต โดยโรงงานแห่งใหม่จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 30% จากวันละ 450,000 ซอง เป็นวันละ 600,000 ซอง และจะรองรับความต้องการได้อีกประมาณ 10 ปี

นายพันธ์ กล่าวถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า ในฐานะผู้ประกอบการรายใหญ่ต้องสนับสนุนรัฐบาล ไม่ใช่เพียงรัฐบาลนี้เท่านั้นแต่เป็นทุกรัฐบาล เช่น ค่าแรงงานเป็นต้นทุนการผลิตเพียง 10% หากรัฐให้ขึ้น 10% จะกระทบต้นทุนการผลิตเพียงแค่ 1% ซึ่งต้องไปบริหารการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งการขึ้นค่าแรงเป็นการเพิ่มกำลังซื้อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้คนไทยต้องให้การสนับสนุน แต่ในส่วนของผู้ประกอบการรายเล็กและเอสเอ็มอีอาจได้รับผลกระทบในส่วนนี้ รัฐบาลจะต้องมาดูแลตรงนี้ด้วย ต้องบาลานซ์ให้ดี

สำหรับนโยบายดิจิทัล วอลเล็ตของรัฐบาลนั้น การเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยไม่ใช่ประเด็น แต่รัฐจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีกำลังซื้อดีขึ้น และทำอย่างไรให้มาตรการของรัฐใช้ง่ายๆ ไม่จำกัดเพียงแค่ระยะสั้นๆ ซึ่งธุรกิจที่ได้รับผลดี หนีไม่พ้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคพื้นฐานและยอมรับว่ามาม่าได้รับอานิสงส์ด้วย

“ปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น จนต้องขอขึ้นราคา และถูกหลายฝ่ายตำหนิว่าผลประกอบการยังมีกำไร ซึ่งจริงๆมาจากการลงทุนธุรกิจและการส่งออกไปต่างประเทศ และจะเพิ่มสัดส่วนต่างประเทศเป็น 40-50% โดยจะกลับไปทำตลาดในจีนหลังปิดโรงงานไปเมื่อปี 41 เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมชาวจีนหันมาชอบสินค้าไทย ชอบดาราไทย โดยจะไปทำตลาดด้วยกลยุทธ์ใหม่ๆผ่านอินฟลูเอนเซอร์ หากเข้าตลาดจีนได้เพียง 1% ยอดขายก็สูงกว่าไทยทั้งประเทศ รวมทั้งตลาดเวียดนามที่ปิดโรงงานไปปี 42 จะกลับไปอีกครั้ง ขณะที่ตลาดแอฟริกาได้เข้าไปเริ่มในเคนยาโดยปรับปรุงโรงงานผลิตให้พันธมิตรใหม่มีความทันสมัยก่อนที่จะลงทุนเพิ่มในอนาคต”

สำหรับยอดขายของบริษัทในปีนี้ประมาณการ ไว้ที่ 15,568.52 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 11,306.49 ล้านบาท ต่างประเทศ 4,262.03 ล้านบาท เติบโต 4% แต่กำไรเพิ่มขึ้น 8-9% หรือมีกำไรราว 3,500 ล้านบาท จากผลพวงที่รัฐไฟเขียวขึ้นราคามาม่าซองละ 1 บาท เมื่อเดือน ส.ค.ปีที่ผ่านมา สำหรับสัดส่วนยอดขายมาจากตลาดในประเทศ 70% ต่างประเทศ 30% และจะเพิ่มสัดส่วนต่างประเทศเป็น 40-50% ตั้งเป้ายอดขายรวม 30,000 ล้านบาทในอนาคต.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ