กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ปรับโตปี 67 พุ่ง 4.4% รับ “ดิจิทัลวอลเล็ต”

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ปรับโตปี 67 พุ่ง 4.4% รับ “ดิจิทัลวอลเล็ต”

Date Time: 28 ก.ย. 2566 08:56 น.

Summary

  • กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ไว้รับมือนโยบายรัฐกระตุ้นใช้จ่าย มอง “ดิจิทัล วอตเล็ต” อย่างเดียวดันเศรษฐกิจปีหน้าโตแล้ว 4% ปรับลดโตเศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือ 2.8% แต่ปีหน้าโตพุ่ง 4.4% ประกาศยุติดอกเบี้ยขาขึ้น ชี้ดอกเบี้ยระดับนี้เหมาะสม ด้านเงินบาทร่วงแรงจ่อแตะ 37 บาทต่อดอลลาร์

Latest

“อุตสาหกรรมแบตเตอรี่”  จิ๊กซอว์ที่ต้องต่อให้เต็ม สานฝันไทย “ฮับผลิต EV” ภูมิภาค

นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง.ว่า กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 2.25% เป็น 2.50% ต่อปี โดย กนง.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในภาพรวม อยู่ในทิศทางฟื้นตัว แม้จะขยายตัวชะลอลงในปีนี้จากภาคการส่งออกที่ลดลง โดยได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้จาก 3.6% ลงมาเหลือ 2.8% จากการชะลอลงของภาคการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด

อย่างไรก็ตาม ธปท.ได้ปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของปี 2567 จากเดิม 3.8% เพิ่มขึ้นเป็น 4.4 % โดยส่วนหนึ่งมาจากการใช้จ่ายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องและภาคการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัว อีกทั้งจะได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากนโยบายภาครัฐ โดยนโยบายที่สำคัญที่ ธปท.ได้นำไปรวมแล้วในการประมาณการเศรษฐกิจปีหน้า คือ นโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยเฉพาะดิจิทัล วอลเล็ต ก็ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวแล้ว 4% แต่ทั้งนี้ ยังต้องติดตามแรงส่งเพิ่มเติมจากนโยบายภาครัฐต่อเศรษฐกิจในอนาคต ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในกรอบเป้าหมาย โดย ธปท.ปรับลด การประมาณการเงินเฟ้อปีนี้ลงจาก 2.5% ลงมาเหลือ 1.6% แต่ได้ปรับเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อปี 2567 ไปที่ 2.6% จาก 2.4%

“กนง.มองว่า ทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงที่จะสูงกว่าที่ประมาณการไว้ โดยเฉพาะในปี 2567 โดยต้องติดตามผลกระทบที่จะเพิ่มขึ้นจากนโยบายภาครัฐ เนื่องจากยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่า แต่ละมาตรการจะออกมาจริงอย่างไร และมีผลเพิ่มขึ้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นกว่าที่ ธปท.คาดไว้หรือไม่ ขณะเดียวกันยังต้องติดตามผลกระทบต่อต้นทุนราคาอาหารที่อาจปรับสูงขึ้นหากปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงกว่าคาด”

ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.กล่าวเพิ่มเติมว่า กนง.ประเมินว่าการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมาจนถึงการประชุมครั้งนี้ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย และมีเวลาให้ดูแลหนี้ครัวเรือน รวมทั้งเสถียรภาพของระบบการเงินให้ดีขึ้น ดังนั้น หากในระยะต่อไป เศรษฐกิจเป็นไปตามที่ ธปท.คาดไว้ ดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันก็จะเหมาะสมไปอีกระยะหนึ่ง แต่นโยบายการเงินจะยังคงเป็นการจับตาปัจจัยที่จะเข้ากระทบในระยะข้างหน้าด้วย 

ต่อข้อถามที่ว่า ธปท.ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ แต่กลับขึ้นดอกเบี้ยไม่เป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจ นายปิติ กล่าวว่า การดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท.กระทบเศรษฐกิจปีนี้ไม่มาก เพราะเป็นการมองไปข้างหน้าเพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นกว่าปีนี้แน่นอน รวมทั้งรองรับนโยบายภาครัฐที่จะ กระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจให้สูงขึ้น นอกจากนั้น ยอมรับว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะมีผลต่อตลาดการเงิน รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอ่อนค่าตามทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะที่นักลงทุนรอความชัดเจนนโยบายภาครัฐที่อาจมีนัยต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพด้านการคลังในอนาคต

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาทปิดตลาดที่ 36.55 บาทต่อดอลลาร์ และในรอบนี้มีโอกาสเห็นที่ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น เป็นผลจากเฟดยังไม่ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย โดยเงินบาทอ่อนค่าสุดในภูมิภาค ตามแรงเทขายพันธบัตรของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากไม่มั่นใจแหล่งที่มาของเงินที่นำมาใช้ในโครงการประชานิยม และจะเป็นภาระการคลังในอนาคต.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ