รอ รมว.พาณิชย์คนใหม่แก้เกมการค้า เศรษฐกิจจีนฟาดซ้ำส่งออกไทยไปไม่ถึงดวงดาว

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หวั่นส่งออกของไทยปีนี้ส่อไม่ถึงเป้าหมายที่ 1–2% เหตุเศรษฐกิจจีนชะลอกว่าคาด แต่ยังกัดฟันฮึดสู้ จับมือเอกชนลุย 44 โครงการช่วงโค้งสุดท้าย หวังดันให้โตตามเป้า

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ส่งออกของไทยว่า ขณะนี้มีปัจจัยเสี่ยงใหม่ที่เข้ามากระทบต่อการส่งออกของไทย คือ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวกว่าที่คาด ทำให้การส่งออกของไทยไปจีนลดลง จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายปีนี้ขยายตัวที่ 1% แต่ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ยังติดลบอยู่ถึง 1.54% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขยายตัวถึง 9.99% ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงเดิมยังมีอยู่ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ราคาน้ำมันและต้นทุนสูง ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ฯลฯ ดังนั้น เป้าหมายการส่งออกในภาพรวมปีนี้ที่ขยายตัว 1-2% เมื่อเทียบกับปีก่อน จึงมีความท้าทายมาก แต่กรมจะทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างหนัก เพื่อผลักดันให้ขยายตัวตามเป้าหมาย โดยมีกิจกรรมสำคัญที่จะดำเนินการในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้อีก 44 โครงการ

อย่างไรก็ตาม จากการหารือกับภาคเอกชนในกลุ่มสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และอุตสาหกรรม เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออก และแนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ ผู้ประกอบการมองว่าบางสินค้ามีโอกาสขยายตัวเป็นบวก บางสินค้าทรงตัว และบางสินค้าติดลบ โดยกลุ่มสินค้าที่เป็นบวก อย่างสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ผลไม้ ประมง คาดบวก 2% ยกเว้นมันสำปะหลัง ที่มีปัญหาผลผลิตขาดแคลนจากโรคใบด่าง และภัยแล้ง

ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และชิ้นส่วน ที่มีสัดส่วนประมาณ 30% ของการส่งออกรวม บวก 3-5% เครื่องประดับ บวก 10% สินค้าไลฟ์สไตล์ บวก 2-3% รวมถึงเครื่องจักรและส่วนประกอบ แต่สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่น เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์คาดติดลบ

สำหรับกิจกรรม 44 โครงการจะเน้นการบุกเจาะตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียใต้ อาเซียน และจีน มีทั้งจัดคณะผู้แทนการค้า จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าสำคัญๆ เช่น งานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (CAEXPO 2023) ที่หนานหนิงเดือน ก.พ. งานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติ (CIIE 2023) ที่เซี่ยงไฮ้ งานแสดงสินค้าอาหาร Anuga ที่เยอรมนี ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก ฯลฯ จะช่วยเพิ่มโอกาสส่งออกสินค้าไทยได้เพิ่มขึ้น

ด้านนางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การส่งออกในปีนี้ หลายภาคส่วนประเมินไว้ล่าสุดว่าจะติดลบ โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินติดลบ 2% ถึง 0% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ลบ 1.3% ถึง 0.3% สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ติดลบ 1.8% แต่ที่กรมหารือกับภาคเอกชนในกลุ่มสินค้าต่างๆ ประมาณ 78% ของกลุ่มสินค้าส่งออกทั้งหมด มองว่าจะเป็นบวกหรือไม่ขยายตัว และอีกกว่า 20% จะติดลบ

“ขณะนี้เศรษฐกิจหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น อย่างสหรัฐฯ แต่มีข้อจำกัดในการนำเข้าเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อโลกยังสูง ประชาชนรัดเข็มขัด อินเดียห้ามส่งออกข้าว หลายประเทศกังวลเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร จีนมีปัญหาภาคอสังหา ริมทรัพย์ ที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งไทยต้องหาโอกาสในวิกฤติต่างๆ เช่น ผลักดันการส่งออกข้าว สินค้าเกษตร อาหาร การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าสำคัญๆของโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดส่งออกได้มาก”

ส่วนการเตรียมแผนเสนอ รมว.พาณิชย์คนใหม่นั้น เตรียมการไว้แล้ว โดยจะดูว่านโยบายเป็นอย่างไร มีอะไรที่กรมดำเนินการแล้ว และมีอะไรที่จะทำเพิ่มเติม อย่างนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่เน้นตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ กรมมีแผนดำเนินการในเรื่องเหล่านี้หมดแล้ว ก็ต้องมาดูว่าจะทำอะไรได้อีก แต่ในส่วนของโจทย์ของภาคเอกชนก็ยังจะทำต่อ ทั้งดูแลเรื่องต้นทุนวัตถุดิบตลอดห่วงโซ่การผลิต การหาตลาดส่งออกใหม่ การทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) รวมถึงมินิเอฟทีเอกับประเทศต่างๆเพิ่มเติม ซึ่งในส่วนมินิเอฟทีเอ ล่าสุดกรมได้ลงนามกับ 8 เมืองแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมการกับอีก 5 เมืองของอินเดีย.