นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ศึกษาผลกระทบสถานการณ์ภัยแล้งจากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่มีต่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ พบว่ามีการคาดการณ์กันว่า เอลนีโญจะเกิดขึ้นต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 ปี และหากในปี 2567 เอลนีโญยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวและเติบโตมากกว่า ปี 2566 และทำให้ความต้องการซื้อสินค้า ความต้องการใช้เรือขนส่งสินค้าและตู้คอนเทนเนอร์กลับมาเพิ่มขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ที่ค่าใช้จ่ายสำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ รวมถึงค่าระวางเรือจะปรับตัวสูงขึ้น และเป็นภาระต้นทุนของผู้ประกอบการไทย
ทั้งนี้ เพราะสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นขณะนี้ ส่งผลกระทบให้ปริมาณฝนของปานามาในปี 2566 น้อยกว่าค่าปกติ และทำให้น้ำในคลองปานามาลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี จนรัฐบาลปานามาต้องปรับลดระดับเพดานสูงสุดของอัตรากินน้ำลึกของเรือขนส่งสินค้า และเพิ่มอัตราค่าธรรมเนียมการผันน้ำสูงขึ้นมาอยู่ที่ 7.99% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่อยู่ที่ 2-4% ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้สายการเดินเรือที่ใช้เส้นทางนี้ ต้องลดความจุของตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อให้เรือลอยได้สูงขึ้น และขึ้นค่าธรรมเนียมการขนส่งสินค้าตาม
“ถือเป็นต้นทุนการขนส่งสินค้าที่สูงขึ้น และหากภัยแล้งยังเกิดขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2567 ก็มีโอกาสที่สายการเดินเรือยังขึ้นค่าขนส่งได้อีก จึงอยากแนะนำให้ภาคเอกชนติดตามสภาพภูมิอากาศและปรากฏการณ์เอลนีโญที่จะมีผลต่อการขนส่งสินค้าเป็นระยะๆ เพื่อปรับตัวและเตรียมกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อรับมือให้ทัน”
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ไทยใช้คลองปานามาเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ โดยไทยเป็นคู่ค้าลำดับที่ 6 ของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ใช้คลองปานามาเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้า มีมูลค่าการค้ารวม 17,912.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ ไทยยังใช้คลองปานามาในการขนส่งสินค้าไปยังประเทศที่อยู่ทางตะวันออกของทวีปอเมริกาใต้ ได้แก่ บราซิล เวเนซุเอลา กายอานา ซูรินาเม และเฟรนช์เกียนา รวมถึงประเทศในทะเลแคริบเบียน และอเมริกากลาง.