ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยคนไทย ค่าใช้จ่ายพุ่งเกือบหมื่นบาทต่อครัวเรือน จากอากาศร้อนที่มากกว่าปกติ

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยคนไทย ค่าใช้จ่ายพุ่งเกือบหมื่นบาทต่อครัวเรือน จากอากาศร้อนที่มากกว่าปกติ

Date Time: 26 เม.ย. 2566 16:10 น.

Video

ทางรอดเศรษฐกิจไทยในยุค AI ครองโลก | 1st Anniversary Thairath Money

Latest


ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินสภาพอากาศที่ร้อนในภาวะปัจจุบัน อาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายครัวเรือนปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9,666 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9% โดยเป็นผลมาจาก 3 หมวดหลัก ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ อุณหภูมิที่ร้อนขึ้น อาจกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเพิ่มเติมที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายครัวเรือนให้ปรับเพิ่มขึ้น

โดย 1.ค่าไฟฟ้า จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า ในช่วงฤดูร้อนปี 2566 ค่าไฟของครัวเรือนต่อเดือนเฉลี่ยของผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเมืองเพิ่มขึ้นราว 30-50% ทำให้คาดว่าค่าไฟฟ้าของครัวเรือนเฉลี่ยในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.ในปีนี้จะอยู่ที่ราวๆ 974-1,124 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดือนอื่นๆ ของปี ที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 871 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งเป็นไปตามค่า Ft เฉลี่ยปีนี้ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน รวมไปถึงความต้องการใช้ไฟฟ้าที่กลับมาสูงสุดในรอบ 3 ปี โดยในช่วง มี.ค.-พ.ค. 2566 ปริมาณการใช้ไฟเฉลี่ยของครัวเรือนอาจเพิ่มขึ้นราว 14%[1] เมื่อเทียบกับช่วงเดือนอื่นๆ ของปี นอกจากนี้อุณหภูมิที่สูงขึ้นยังส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีแนวโน้มทำงานหนักขึ้น โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นที่ต้องใช้อัตราการใช้ไฟฟ้ามากกว่าปกติเพื่อที่จะทำงานให้ได้เท่าเดิม ส่งผลให้ครัวเรือนต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้น

2.ค่าอาหาร พบว่ามักจะขยับสูงขึ้นจากผลของราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด กระทบผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง หรือเกิดการเน่าเสียได้ง่ายกว่าปกติ โดยราคาหมูเฉลี่ยพบว่าปรับเพิ่มขึ้นราว 2%[2] และราคาผักและผลไม้ที่ค่อนข้างแพงกว่าปกติในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. โดยเฉพาะราคามะนาวที่ปรับเพิ่มกว่า 50% เมื่อเทียบกับราคาในช่วงเดือนอื่นๆ ของปี นอกจากนี้ธุรกิจร้านอาหารก็มีต้นทุนส่วนเพิ่มจากการที่ต้องใช้น้ำแข็งและตู้แช่เพื่อเก็บรักษาวัตถุดิบบางประเภทที่เน่าเสียง่าย เช่น อาหารทะเล เนื้อสัตว์ เป็นต้น

3.ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ คาดว่ามีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากการใช้จ่ายเพื่อรักษาโรคที่มากับความร้อน เช่น โรคไมเกรน อาหารเป็นพิษ โรคทางผิวหนัง เป็นต้น รวมไปถึงกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงที่อาจจะมีค่าใช้จ่ายในหมวดนี้เพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว กลุ่มเปราะบาง (เด็กและสตรีมีครรภ์) และกลุ่มอาชีพที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ขณะที่ ค่ายา/เวชภัณฑ์ ค่ารักษาพยาบาล ก็มีแนวโน้มปรับตัวสูงตามต้นทุน

จากอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นในปี 2566 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ค่าใช้จ่ายครัวเรือนเฉลี่ยต่อเดือนทั้ง 3 หมวดนี้ (ค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายสุขภาพ) จะคิดเป็นจำนวนเงินราว 9,666 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (ปี 2565) ที่อยู่ที่ราว 8,868 บาทต่อครัวเรือน หรือขยายตัวราว 9.0% YoY ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของค่าอาหารที่เป็นสัดส่วนค่อนข้างมากในค่าใช้จ่ายครัวเรือน (ราว 34%) พบว่าน่าจะทรงตัวในระดับสูง แม้จะผ่านช่วงหน้าร้อนไปแล้ว

ขณะที่ค่าไฟฟ้าที่เป็นสัดส่วนน้อย (ราว 3%) คาดว่าอาจปรับลดลงได้ในช่วงเดือนอื่นๆ ของปีนี้ที่อากาศร้อนน้อยลง รวมทั้งมีมาตรการบรรเทาผลกระทบจากภาครัฐในเดือน พ.ค.บางส่วนด้วย โดยค่าใช้จ่ายครัวเรือนของทั้ง 3 หมวดนี้คิดเป็นสัดส่วนราว 39% ของค่าใช้จ่ายครัวเรือนทั้งหมด ท่ามกลางค่าครองชีพที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่รายได้ยังใกล้เคียงเดิม ทำให้ครัวเรือนต้องมีการปรับลดค่าใช้จ่ายหมวดอื่นๆ ที่อาจมีความจำเป็นน้อยกว่า เช่น ลดการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้า Non-food (เสื้อผ้า รองเท้า) เป็นต้น เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายใน 3 หมวดที่ปรับเพิ่มขึ้น

 

สภาพอากาศในช่วงเวลาอื่นๆ ของปีที่อุณหภูมิปรับลดลง อาจบรรเทาค่าไฟฟ้าให้ปรับลดลงได้บ้าง ท่ามกลางค่าครองชีพที่ยังคงสูง ขณะที่กำลังซื้อของครัวเรือนมีจำกัดจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายครัวเรือนในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.ปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่อาจกระทบคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนเมืองเป็นหลักจากการใช้เครื่องปรับอากาศเพิ่มมากขึ้น แต่ผลกระทบอาจจะลดลงในช่วงเดือนอื่นๆ ของปีที่อุณหภูมิไม่สูงมากนัก ซึ่งก็น่าจะทำให้ค่าไฟและความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงตาม อย่างไรก็ดีด้วยสภาพการณ์ปัจจุบันที่ครัวเรือนยังคงประสบกับภาวะค่าครองชีพที่สูงทั้งต้นทุนพลังงาน (ค่าเดินทาง) และต้นทุนทางการเงินที่ยังยืนสูง (หากครัวเรือนมีหนี้หรือจำเป็นต้องกู้ยืม) ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายครัวเรือนเฉลี่ยต่อเดือนอาจจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา

นอกจากค่าใช้จ่ายทั้ง 3 หมวดที่ได้กล่าวไปแล้ว สภาพภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นก็อาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายหมวดอื่นๆ ปรับเพิ่มขึ้นด้วย เช่น ค่าครีมกันแดด ค่าเสื้อผ้า/อุปกรณ์กันแดด รวมถึงอาจมีค่าเสียโอกาสด้านการศึกษา หากต้องหยุดเรียน เช่น ในอินเดียมีการปิดเรียนเพื่อหลีกเลี่ยงคลื่นความร้อนที่อาจกระทบต่อสุขภาพของเด็กนักเรียน เป็นต้น ทั้งนี้ด้วยรายได้ที่อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก และภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ครัวเรือนก็อาจต้องหันมาประหยัดค่าใช้จ่ายหมวดอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนให้มีความสมดุล

สภาพอากาศมีความเสี่ยงที่จะร้อนขึ้นอีก ดังนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่การรักษ์โลกมากยิ่งขึ้น เป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้สามารถบรรเทาค่าใช้จ่ายครัวเรือนได้ในระยะยาว.



 
 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์