นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยว่า กรณีธนาคารในสหรัฐฯต้องปิดตัวลงถึง 3 แห่งภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องติดตามใกล้ชิดเพราะนี่อาจเป็นสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีอะไรซุกไว้ใต้พรม ที่ห่วงคือเอสเอ็มอีที่อาจจะยิ่งเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยากขึ้น ขณะที่ เศรษฐกิจโลกผันผวนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงจำเป็นต้องเตรียมสภาพคล่องไว้ให้มาก ส่วนการขยายการลงทุนบางส่วนอาจชะลอลงบ้างเพื่อดูความชัดเจนเพื่อรอรัฐบาลชุดใหม่
ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจโลกยังผันผวน แต่การจ้างงานขณะนี้ยังคงมีทิศทางฟื้นตัวเนื่อง จากภาคการท่องเที่ยวของไทย เริ่มมีต่างชาติกลับเข้ามาต่อเนื่องและคาดว่าตลอดปีนี้จะมีถึง 30 ล้านคน ส่งผลให้ตัวเลขของแรงงานต่างด้าวในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาขยับขึ้นมาเป็น 3.3 ล้านคนซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 5 ปีจากช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาที่มี 2.8 ล้านคน
ล่าสุดนอกเหนือจากความต้องการแรงงานที่เพิ่มขึ้น อีกปัจจัยหนึ่งคือการที่กระทรวงแรงงานได้มีการแก้ไขปัญหาแรงงานนอกระบบให้กลับมาสู่ระบบ โดยภาพรวมประเทศไทยยังขาดแรงงานต่างด้าวอีกราว 300,000 คน
“ขณะนี้ภาคท่องเที่ยวและบริการขาดแคลนแรงงานตั้งแต่บนจนถึงล่าง ตั้งแต่เด็กที่รู้หลายภาษา พ่อครัวแม่ครัว เด็กทำความสะอาดห้องพัก ฯลฯ เหตุผลหนึ่งเพราะคนเหล่านี้ได้กลับไปภูมิลำเนาเป็นแรงงานคืนถิ่นในช่วงโควิด-19 บางส่วนไปเปิดร้านเองหรือมีอาชีพใหม่ ไม่กลับสู่ระบบแรงงาน ขณะที่แรงงานที่เป็นเด็กจบใหม่ ส่วนใหญ่ไม่ตรงกับความต้องการสะท้อนตัวเลขว่างงานของเด็กจบใหม่ยังมีถึง 200,000 คน จากที่แต่ละปีมีเด็กจบใหม่รวม 500,000 คน ทำให้ขณะนี้มีเด็กจบใหม่ที่ตกงานค้างอยู่ 1.3 ล้านคนและเดือน เม.ย.นี้จะมีสมทบเพิ่มอีก 500,000 คน.