นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 66 กรมได้ตรวจสอบนิติบุคคลไทยที่มีคนต่างด้าวถือหุ้นที่อาจมีลักษณะนอมินีอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรามมิให้คนไทย หรือนิติบุคคลไทยให้ความช่วยเหลือ หรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจ หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) เพื่อให้คนต่างด้าวหลีกเลี่ยง หรือฝ่าฝืนการดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542
โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็นนิติบุคคลไทยที่ประกอบธุรกิจ 3 กลุ่มคือ ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง 161 ราย, ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ และถือครองอสังหาริมทรัพย์ 123 ราย และธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต 41 ราย รวม 325 ราย ในพื้นที่เป้าหมาย 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่/เชียงราย ภูเก็ต สุราษฎร์ ธานี ชลบุรี/ระยอง ประจวบคีรีขันธ์/เพชรบุรี และกรุงเทพฯ สำหรับกรุงเทพฯ จะเน้นตรวจสอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก เป็นต้น ในย่านเยาวราชและห้วยขวางที่กำลังเป็นประเด็นกลุ่มทุนจีนเข้ามาประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเป็นนอมินี
“หากตรวจสอบแล้วพบพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายเป็นความผิดนอมินี กรมจะส่งข้อมูลให้ดีเอสไอสืบสวนสอบสวนเชิงลึก โดยหากพบว่ามีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายเป็นนอมินีจริง จะส่งดำเนินคดีตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000- 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน กรรมการบริษัทก็ต้องมีความผิดด้วย”
สำหรับผลการตรวจสอบนอมินีปี 64 พบพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายเป็นความผิดนอมินีมากสุดถึง 145 ราย เป็นธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง 44 ราย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเกี่ยวเนื่อง 89 ราย ธุรกิจโรงแรม/รีสอร์ต 3 ราย ธุรกิจบริการ 9 ราย ส่วนปี 65 เข้าข่าย 3 ราย.