น.ส.วรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช.ได้พบข้อมูลคนจนของประเทศไทย พบว่ามีหลากหลายมิติไม่ใช่เฉพาะเรื่องเงินเท่านั้น โดย สศช.ได้ตัวชี้วัดที่เรียกว่าดัชนีความยากจนหลายมิติ เพื่อใช้วัดคนจนในมิติอื่นๆ โดยวัดผ่าน 4 มิติ คือ มิติด้านการศึกษา มิติการใช้ชีวิตในแบบที่ดีต่อสุขภาพ มิติความเป็นอยู่ และมิติด้านการเงิน ซึ่งแต่ละมิติมีการกำหนดตัวชี้วัดไว้ 3 ตัวชี้วัด รวมเป็น 12 ตัวชี้วัด ซึ่งหากใช้ตัวชี้วัดความยากจนหลายมิติเทียบกับความยากจนที่วัดผ่านเกณฑ์รายได้
“ผลจากการใช้ดัชนีดังกล่าวพบว่า หากวัดคนจนที่อยู่ต่ำเส้นความยากจนหรือในฝั่งรายได้จะมีคนจนเพียง 4.4 ล้านคน แต่ถ้าเอาดัชนีความยากจนหลายมิติมาวัด พบว่า มีคนจนสูงถึง 8.1 ล้านคน ซึ่งมิติสำคัญที่พบมากสุดคือ ด้านความเป็นอยู่ มีสูงถึง 35% รองลงมากคือความมั่นคงด้านการเงิน 29% เป็นสัดส่วนที่ทำให้คนมีความยากจนมากสุด”
ทั้งนี้ ความยากจนในหลายมิติได้ขยายความยากจนครอบคลุมถึงการขาดแคลน ขัดสน หรือโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำรงชีพตลอดจนความสามารถในการเข้าถึงบริการและการช่วยเหลือของภาครัฐ โดยปี 64 ยังพบว่ามีประเด็นปัญหาต่างๆ ที่คนจนได้รับผลกระทบ เช่น การศึกษาที่มีเด็กหลุดออกจากระบบถึง 280,000 คน ส่วนด้านสุขภาพพบคนไทยมีความเครียดสูง เสี่ยงซึมเศร้า และเสี่ยงเกิดการฆ่าตัวตาย เป็นต้น.