ม.หอการค้าไทย คาดจีดีพีไทยปี 66 โต 3.6% อานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น คาดนักท่องเที่ยวเข้าไทย 22–24 ล้านคน โดยการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศจะกลับมาเป็นพระเอกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่วนส่งออกเป็นแค่ตัวประกอบโตแบบชะลอแค่ 1.2% ตามภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ศูนย์ฯคาดอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยปี 66 จะขยายตัวได้ 3.6% การลงทุนภาครัฐ ขยายตัว 2.4% การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 3.2% การส่งออกขยายตัว 1.2% การนำเข้าขยายตัว 2.2% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 3.0% จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทย 22 ล้านคน โดยประมาณการดังกล่าวอยู่ภายใต้สมมติฐาน คือ ปริมาณการค้าโลกขยายตัว 2.5% เศรษฐกิจโลกขยายตัว 2.7% จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 22-24 ล้านคน อัตราแลกเปลี่ยน 35.95 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 92.50 เหรียญฯต่อบาร์เรล อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.25-2.00%
ทั้งนี้ ปัจจัยบวกที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือปี 65-66 คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ดีขึ้นและปรับเป็นโรคประจำถิ่น, การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว, การใช้จ่ายภาคเอกชนมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน, รายได้เกษตรกรยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 66
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาพลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์และเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น, ธนาคารกลางหลายประเทศถูกกดดันให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย, เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะถดถอย, ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน, ความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุนโลก, ความไม่แน่นอนของความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีน ทำให้การเข้าถึงสินค้าทุนลดลง ส่งผลต่อการค้าโลก
สำหรับเศรษฐกิจไตรมาสแรกปี 66 คาดจะเติบโต 3.5% จากแรงหนุนการท่องเที่ยว ราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับสูง ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ภาคบริการฟื้นตัว โดยเฉพาะธุรกิจกลางคืน ทำให้มีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจรวมถึงการเตรียมเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในไตรมาส 1 ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 2 ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยได้อย่างดี ส่วนไตรมาส 3-4 คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวจากราคา น้ำมันที่เริ่มนิ่ง เงินเฟ้อลดลง เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว และในช่วงครึ่งปีหลัง การลงทุนภาครัฐจะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจะดึงเงินลงทุนจากต่างชาติ มีผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.7% ทำให้ทั้งปีจะขยายตัว 3.6% “ปี 66 การส่งออกที่เคยเป็นพระเอก จะกลายเป็นเพียงตัวประกอบ เพราะเริ่มชะลอตัวลงในไตรมาส 4 ปี 65 ต่อเนื่องไปปีหน้า ขณะที่การบริโภคดีต่อเนื่องควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างโดดเด่น จะเป็นแรงสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีหน้า ที่คาดว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามา 22-24 ล้านคน สร้างเม็ดเงิน 1.1 ล้านล้านบาท”.