เศรษฐกิจปากท้อง เผาจริง

กรณีที่ กสทช. แจ้งไปที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย เจ้าของลิขสิทธิ์ ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ให้เร่งแก้ไขการบริหารจัดการลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดให้ถูกต้องตามข้อตกลงใน เอ็มโอยู และ กฎมัสต์แครี่ (บังคับให้แพลตฟอร์มการบริการโทรทัศน์ทุกรายการที่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. นำช่องฟรีทีวีไปออกอากาศทุกช่องทาง เสาอากาศ จานดาวเทียม เคเบิลทีวี และทางออนไลน์ โดยต้องออกอากาศต่อเนื่องตามผังรายการของแต่ละสถานี ไม่ให้เกิดจอดำขึ้น) ถ้า กกท.ทำไม่ได้จะยกเลิกการสนับสนุนเงินค่าลิขสิทธิ์ 600 ล้านบาท ซึ่งต้องคืนภายใน 15 วัน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 หลังจากลักษณะการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย กลุ่มทรู ได้รับลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จะอ้างว่าทรูร่วมลงขันด้วย 300 ล้าน คงไม่เหมาะ

ในเมื่อเงินกองทุนจาก กสทช.ก็เก็บมาจากทีวีดิจิทัลทุกช่อง เป็นปัญหาที่วนไปเวียนมาระหว่าง กสทช. ทีวีดิจิทัล และ กกท.

ยังไม่รวมปัญหาอื่นๆที่จะตามมา อาทิ ปัญหาที่มีการนำกล่องทีวีดิจิทัลไปดูในต่างประเทศที่ไม่ได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด การลักลอบนำสัญญาณการถ่ายทอดสดไปนำเสนอในช่องทางออนไลน์ต่างๆ สรุปแล้วงานนี้ผลที่ออกมาค่อนข้างลบมากกว่าบวก หากเกิดทีวีจอดำในช่วงรอบรองและรอบชิงชนะเลิศด้วยแล้ว สวรรค์ล่มแน่นอน

ท่ามกลางข้อกังวลถึงผลกระทบเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปีหน้า ตามคำทำนายของผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ จากปัจจัยเงินเฟ้อ และ ปัญหาพลังงาน เศรษฐกิจปีหน้าจะถึงเวลาเผาจริง

วิกฤติพลังงานที่ดูเหมือนจะผ่อนคลาย ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ลดลงมาไม่ถึง 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เหมือนตอนที่เกิด สงครามรัสเซีย–ยูเครน ใหม่ แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ

อัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายปรับขึ้นอีกแน่นอนทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ ทั้งๆที่ไม่มีโอกาสที่จะสกัดเงินเฟ้อได้เลย ดูเหมือนเงินเฟ้อ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปที่อีกระดับ เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีการวาง มาตรฐานเงินเฟ้อใหม่ที่ไม่ใช่การสกัดเงินเฟ้อด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น

ปัญหาสำคัญคือการที่จะต้องลงมาดูวิธีแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของประชาชนมากกว่า

สัญญาณเตือนครั้งล่าสุด รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการด้านน้ำมันของกลุ่มโอเปก และ พันธมิตร หรือ โอเปกพลัส ที่รวมถึง รัสเซีย ด้วย ประกาศไม่ปรับเปลี่ยนเป้าหมายการส่งออกน้ำมัน จากที่เคยคาดการณ์ว่าจะมีการผลิตน้ำมันมากขึ้น

เวลาเดียวกับที่ชาติตะวันตกมีมาตรการกับรัสเซีย โดยการจำกัดราคาน้ำมันจากรัสเซียไว้ที่บาร์เรลละ 60 ดอลลาร์ตามข้อเสนอของเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐฯ เพื่อจะลดรายได้จากธุรกิจน้ำมันของรัสเซีย (กรณีนี้จีนและพันธมิตรรัสเซียน่าจะได้ประโยชน์) ที่จะเอาไปใช้ในการทำสงครามกับยูเครน รวมทั้งการที่จะห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียของสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศ G 7 ด้วย ทีนี้แหละจะกลายเป็นจุดกำเนิดวิกฤติพลังงานอีกระลอก

จะเผาหลอก เผาจริง ชาวบ้านตาดำๆรับกรรมไปตามระเบียบ.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th