จับตาโดมิโนเอฟเฟกต์ตลาดคริปโต หลัง FTX ยื่นล้มละลาย Crypto.com เปิดแผลจ่อรอคิว

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

จับตาโดมิโนเอฟเฟกต์ตลาดคริปโต หลัง FTX ยื่นล้มละลาย Crypto.com เปิดแผลจ่อรอคิว

Date Time: 14 พ.ย. 2565 14:50 น.

Video

ทางรอดเศรษฐกิจไทยในยุค AI ครองโลก | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • แม้ว่าผลสรุปของ FTX ในที่สุดก็ยื่นล้มละลายภายในระยะเวลาไม่กี่วัน หลังจากถูกเปิดแผลให้เห็นถึงความผิดปกติในการบริหารจัดการเงินของลูกค้า และมีปัญหาด้านสภาพคล่องอย่างรุนแรง

Latest


แม้ว่าผลสรุปของ FTX จะไม่ได้กินเวลายืดเยื้อ ในที่สุดก็ยื่นล้มละลายภายในระยะเวลาไม่กี่วัน หลังจากถูกเปิดแผลให้เห็นถึงความผิดปกติในการบริหารจัดการเงินของลูกค้า และมีปัญหาด้านสภาพคล่องอย่างรุนแรง แต่แวดล้อมของระบบนิเวศคริปโตนั้น ความเสียหายนี้เหมือนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องต่างประสบปัญหาเช่นกัน

FTX ยื่นล้มละลายแล้ว

เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา FTX ได้มีการประกาศว่าบริษัทได้มีการยื่นล้มละลายในสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย และ Sam Bankman-Fried ซึ่งเป็นทั้ง CEO และผู้ก่อตั้งก็ลาออกจากตำแหน่ง พร้อมทั้งตั้ง John Ray III เป็น CEO คนใหม่ เพื่อมาช่วยเปลี่ยนผ่านธุรกิจอย่างเป็นระเบียบ

โดยการยื่นล้มละลายในครั้งนี้จะมีผลกับ FTX Group ซึ่งรวม FTX.com , FTX US , Alameda Research พร้อมกับบริษัทในเครืออีกประมาณ 130 แห่ง แต่ไม่ได้รวม FTX Digital Markets, FTX Australia, FTX Expess Pay และ LedgerX

แต่แม้ว่า FTX จะจบตัวเอง แต่ตลาดคริปโตโดยรวมไม่ได้จบ เพราะหลังจากนี้อาจส่งผลกระทบเป็นโดมิโน จากการที่ FTX ก็เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมคริปโต รวมถึงได้มีการลงทุนเพื่อขยายระบบนิเวศมาโดยตลาด โดยข้อมูลจาก The Block ได้มีการรายงานว่า FTX Ventures และ Alameda Research ได้มีการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพในอุตสาหกรรม crypto รวมถึง DeFi, NFT ตลอดจน Web3 มากกว่า 250 แห่ง และช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 ก็เป็นช่วงเวลาที่มีการลงทุนอย่างกระตือรือร้น

พร้อมกันนี้ผลกระทบยังได้ส่งต่อไปยังบรรดาคู่ค้าของ FTX ด้วย ไม่ว่าจะเป็น BlockFi ที่ต้องระงับการถอนเงิน พร้อมกับจำกัดการซื้อขายเหรียญบางส่วน Genesis ที่ลงทุนตราสารอนุพันธ์ในแพลตฟอร์มของ FTX ก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้

นอกจากนี้กองทุนใหญ่ระดับโลกหลายกองทุนต่างลงทุนใน FTX เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Temasek ของรัฐบาลสิงคโปร์ Paradigm กองทุนในสหรัฐอเมริกา SoftBank ของญี่ปุ่น Ontario Teacher’s Pension Plan ซึ่งเป็นกองทุนบำนาญครูของเมืองออนทาริโอ ในแคนาดา รวมถึง Sequoia Capital ที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ตีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้เป็นศูนย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังมีอีกหลายกองทุนที่อยู่ระหว่างดำเนินการในรูปแบบเดียวกัน

ข่าวร้ายมาต่อเนื่อง

หลังจากที่ได้ประกาศยื่นล้มละลาย ข่าวร้ายเกี่ยวกับ FTX ก็ได้ถูกโหมกระหน่ำมากอย่างไม่ขาดสาย เริ่มจากการถูกโจมตีจากแฮกเกอร์ โดยมีผู้ใช้เห็นเงินจำนวนหลายล้านดอลลาร์ไหลออกจากกระเป๋าเงินของ FTX รวมถึงยอดคงเหลือของบัญชีผู้ใช้บางส่วนเป็น $0 ในกระเป๋าเงิน FTX.com และ FTX US โดยบริษัทวิเคราะห์ Nansen รายงานว่า มีเงินไหลออกสุทธิจากทั้ง FTX และ FTX US รวมกว่า 659 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการถูกโจมตีดังกล่าว ต่อมาชุมชนคริปโตได้มีการออกมาเตือนให้ถอนการติดตั้งแอปฯ FTX และห้ามเข้าเว็บไซต์ ด้วยเหตุผลที่ว่าอาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

ด้าน John Ray ซึ่งเป็น CEO ของ FTX ได้ออกมายอมรับว่า แพลตฟอร์มถูกแฮกจริง พร้อมทั้งมีการยืนยันว่า FTX อยู่ระหว่างลบฟังก์ชันการซื้อขายและการถอนออก รวมถึงได้ย้ายสินทรัพย์ดิจิทัลไปยังผู้ดูแล cold wallet รายใหม่ พร้อมทั้งได้มีการติดต่อและประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว

หลังจากข่าวการโดนแฮก ต่อมามีข่าวลือเรื่องการพยายามหลบหนีของกลุ่มผู้บริหารของ FTX ทั้งการหนีไปอาร์เจนตินา และหนีไปดูไบ เนื่องจาก ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ต่อมา Sam Bankman-Fried อดีต CEO ของ FTX ได้ออกมาปฏิเสธข่าลือดังกล่าวพร้อมกับบอกว่า เขายังอยู่ในบาฮามาส

นอกจากนี้ยังมีการรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ด้วยว่า FTX มี back door ในระบบซอฟต์แวร์บัญชีที่สามารถเคลื่อนย้ายเงินออกได้ทันที ส่วนข่าวจาก Financial Time รายงานว่า ก่อนที่จะยื่นล้มละลาย FTX มีสภาพคล่องเพียงแต่ 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น เมื่อเทียบกับหนี้สินกว่า 8,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีการระบุอีกว่า สินทรัพย์ที่ขายง่ายที่สุดของ FTX คือ Robinhood มูลค่า 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ Sam ซื้อครองผ่านองค์ภายนอก

กระดานเทรดถูกจับโป๊ะเพิ่ม

ล่าสุด Crypto.com ซึ่งเป็นกระดานเทรดคริปโตชื่อดัง ได้มีการถูกตรวจสอบจากผู้ใช้งานและพบว่าเมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมามีการโอนเหรียญ Ethereum กว่า 320,000 ETH มูลค่าราว 416 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยัง Gate.io กระดานเทรดอีกเจ้าหนึ่ง และในอีก 5-7 วันต่อมาทาง Gate.io ได้มีการโอนเหรียญกลับมา 285,000 ETH และเมื่อมีการสอบถามไปยัง CEO ของ Crypto.com เขาบอกว่า โอนผิด โดยตอนแรกจะโอนไปเก็บใน code storage แต่ใส่ที่อยู่เป็นตลาดอื่นแทน แต่อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ความผิดพลาดครั้งแรกของ Crypto.com เพราะเมื่อเดือนส.ค. ก็เคยมีการโอนผิด โดยโอนเหรียญกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้บัญชีลูกค้า จนมีคดีฟ้องร้องกัน

และล่าสุดในวันนี้ 14 พ.ย. Crypto.com ระงับการถอนเงินชั่วคราว โดยผู้ใช้หลายรายไม่สามารถถอนเงินออกจากแพลตฟอร์มได้ ซึ่งต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะเป็นอย่างไรกันต่อไป หลังจากที่การกระทำที่น่าสงสัยของกระดานเทรดเหล่านี้กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างปฏิเสธไม่ได้.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์