ส.อ.ท.แนะรัฐขยายมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาท/ลิตร ต่ออีก 3 เดือนหลังสิ้นสุด 20 พ.ค.นี้ หวั่นซ้ำเติมดีเซลที่ต้องขยับเพดาน 30 บาทต่อลิตร 1 พ.ค.65 หนุนพลังงานขึ้นเป็นขั้นบันได สกัดราคาสินค้าพาเหรดขึ้นราคา ผวาหนี้ครัวเรือนพุ่งฉุดแรงซื้อหด
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยมีความเปราะบางจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นต่อเนื่อง จึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่รัฐบาลควรขยายมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน
จากเดิมที่ ครม.เห็นชอบให้ปรับลดเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 20 พ.ค.นี้ โดยรัฐจะสูญเสียรายได้รวม 17,000 ล้านบาท เพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันดีเซลต้องสูงขึ้นจนเกินไป เพราะจะเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่จะถูกส่งผ่านมาในราคาสินค้าจากค่าขนส่งที่แพงขึ้น
ขณะเดียวกันวันที่ 1 พ.ค.นี้ รัฐบาลได้กำหนดไว้ว่าจะลดการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล จากกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง โดยจะอุดหนุนเหลือ 50% ซึ่ง ณ วันที่ 21 เม.ย. กองทุนฯอุดหนุนดีเซลที่ลิตรละ 11.31 บาทต่อลิตร หากราคายังทรงตัวระดับนี้ วันที่ 1 พ.ค.นี้ เท่ากับว่าน้ำมันจะต้องขึ้นราคา 50% หรือราว 5 บาทกว่าต่อลิตร ทำให้ราคาน้ำมันดีเซล จากที่มีนโยบายตรึงไว้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ก็จะเป็น 35 บาทต่อลิตร แต่กระทรวงพลังงานส่งสัญญาณว่าจะขึ้นเป็นขั้นบันไดเพื่อลดผลกระทบ เช่น 2-3 บาทต่อลิตร ก็เห็นด้วย แต่อย่าลืมว่าพอถึง วันที่ 20 พ.ค.นี้ ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจะหมดอายุ หากไม่ต่ออายุ ก็จะทำให้ราคาขายปลีกขึ้นอีก 3 บาทต่อลิตร จึงเห็นว่าระยะสั้นต้องดูแลราคาไม่ให้ขึ้นแรงเกินไป
ทั้งนี้ หากราคาน้ำมันดีเซลขยับขึ้น 5 บาทต่อลิตร จะกระทบค่าขนส่งปรับขึ้นอีก 15-20% ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าภาพรวมสูงขึ้นเฉลี่ย 3-4% ทำให้ราคาสินค้าปรับขึ้นได้ ปัจจัยเหล่านี้จะยิ่งซ้ำเติมภาวะเงินเฟ้อของไทยมากขึ้น ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เตือนว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครนจะผลักดันให้เงินเฟ้อทั่วโลกสูงขึ้น โดยตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาปีนี้จะพุ่งแตะระดับ 8.7% ชี้ให้เห็นว่าภาวะเงินเฟ้อของไทยยังคงมีความเสี่ยงที่จะสูงขึ้นได้อีก
ดังนั้น สิ่งที่ ส.อ.ท.กังวลคือหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) สูง 90% ชี้ว่ารายรับไม่พอรายจ่าย ซึ่งจะกดดันกำลังซื้อให้หดตัว ขณะที่มาตรการพักชำระหนี้ของสถาบันการเงินต่างๆก็จะทยอยหมดลงในเดือน มิ.ย.นี้ จึงเห็นว่ารัฐบาลควรหามาตรการดูแลระยะสั้น ก่อนที่จะกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระบบเพิ่มขึ้น น่ากังวลว่าจะเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ ที่รัฐบาลจึงต้องเร่งหามาตรการระยะสั้นดูแลเร่งด่วน
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่าคาดว่าเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ ราคาน้ำมันดีเซลจะอยู่ที่ 140-150 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล หากมีการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มราคาน้ำมันจะสูงขึ้นไปอีก สนพ.ได้หารือกับสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) หาแนวทางว่าจะทยอยปรับขึ้นราคาอย่างไร หลังมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลจะสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.นี้ หากขึ้นตามแผนเดิม ประชาชนจะเดือดร้อน สำหรับฐานะเงินกองทุนน้ำมัน ณ 17 เม.ย. ติดลบ 50,614 ล้านบาท ส่วนการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่กองทุนก้อนแรก 20,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงินกู้ 40,000 ล้านบาท ปรากฏว่ายังไม่สามารถกู้ได้ ซึ่งหากกู้ไม่ได้ กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังต้องหารือกันว่า กองทุนฯจะดำเนินการอย่างไร เพราะการที่กองทุนฯติดลบมูลค่าสูง ก็เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ดูแลราคาดีเซลและแอลพีจีเพื่อลดผลกระทบประชาชน.