สุพริศร์ สุวรรณิก สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์
เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา (30 ก.ย.) ผู้เขียนมีโอกาสเข้าร่วมเป็นตัวแทนของคณะผู้วิจัย เพื่อนำเสนอ ผลการศึกษา “โครงสร้างเศรษฐกิจสังคมไทย : ความเปราะบางท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง” ในงานสัมมนาวิชาการธนาคารแห่งประเทศไทย ประจำปี 2564 มาปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่เป็นการจัดงานในรูปแบบออนไลน์ทั้งหมดด้วยสถานการณ์โควิด-19 ผู้เขียนจึงขอเก็บตกบางช่วงบางตอนที่เกี่ยวกับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยมานำเสนอและชวนคิด โดยท่านผู้อ่านสามารถติดตามการบรรยายย้อนหลังได้ที่ FB live ธนาคารแห่งประเทศไทย และหาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทความ aBRIDGEd ของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ได้เลยครับ
โครงสร้างเศรษฐกิจไทยมีความเปราะบางที่สั่งสมมาอย่างยาวนานในหลายมิติ แต่ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในบริบทโลกใหม่ (megatrends) ได้เข้ามาซ้ำเติมให้ความเปราะบางเหล่านี้ยิ่งรุนแรงขึ้น ทั้งนี้ ผู้เขียนได้นำ megatrends มาสรุปไว้ทั้งหมด 5 ประการสำคัญ พร้อมหยิบยกตัวอย่างความเปราะบางของเศรษฐกิจไทยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องเตรียมการรับมืออย่างเร่งด่วนดังต่อไปนี้
1.เศรษฐกิจไทยเปราะบางต่อความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะการพึ่งพาต่างประเทศในระดับสูง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ความเปราะบางจากการพึ่งพิงจีนและสหรัฐอเมริกาในหลายด้าน อาทิ การส่งออกที่มีมูลค่ารวมกันเกือบ 1 ใน 3 ของการส่งออกทั้งหมด การท่องเที่ยวที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวจีนสูงถึง 28% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด และการลงทุนทางตรงในระดับสูงจากสหรัฐฯ ซึ่งการที่ยักษ์ใหญ่สองประเทศนี้มีความขัดแย้งกัน ทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยง หากจำเป็นต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่ง
2. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่อาจทำให้ไทยตกขบวนรถไฟได้ หากปรับตัวไม่ทัน โดยตัวอย่างความเปราะบางของโครงสร้างการส่งออกไทย พบว่า มีมูลค่าเพิ่มที่ไทยสร้างได้ (domestic value added) อยู่ในระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นกลางและขั้นสูง ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างชาติมายังธุรกิจไทยที่ยังจำกัด
3.ภาวะโลกร้อน เป็นภัยเงียบ และจะส่งผลใหญ่หลวงต่อไทยหากไม่เร่งปรับตัวตั้งแต่วันนี้ โดยมีตัวอย่างที่อาจยังกล่าวถึงไม่มากนักคือ ความเปราะบางของภาคอุตสาหกรรมไทยที่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น โดยมากกว่า 1 ใน 3 ของแรงงาน นอกภาคเกษตรทั้งประเทศอยู่ในจังหวัดดังกล่าว มากกว่า 20% ของจำนวนสถานประกอบการ และมากกว่า 10% ของธุรกิจในอุตสาหกรรมส่งออกหลัก
4.การเข้าสู่สังคมสูงอายุส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยหลายด้าน โดยหากมองความเปราะบางของโครงสร้างแรงงานไทย พบว่า มีสัดส่วนแรงงานสูงวัย (มากกว่า 50 ปี) เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในช่วงไม่ถึง 20 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มจาก 3.4% ในปี 2545 มาสูงถึง 9.9% ในปี 2562 ซึ่งอาจส่งผลให้ผลิตภาพแรงงานลดลง และอาจส่งผลต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมในที่สุด
5.วิกฤติโควิด–19 ได้สร้างแผลเป็นหลายแห่งต่อเศรษฐกิจไทย ตัวอย่างสำคัญคือ ความเปราะบางทางการเงินของครัวเรือนไทยที่เพิ่มขึ้น โดยพบว่าครัวเรือนไทยเริ่มผิดนัดชำระหนี้ และมีหนี้เสียเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้กู้อายุน้อย ซึ่งมีหนี้เร็วและมีสัดส่วนผู้กู้ที่มีหนี้เสียมากอยู่แล้วก่อนเกิดวิกฤติ
แม้ megatrends เหล่านี้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถรับมือได้ หากตระหนักรู้ วางแผน และดำเนินการแก้ไขความเปราะบางอย่างถูกต้องและเร่งด่วน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชนครับ!