เทรนด์ Food Traceability มาแรง หวั่นกระทบมูลค่าส่งออกไทย 159,000 ล้าน

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

เทรนด์ Food Traceability มาแรง หวั่นกระทบมูลค่าส่งออกไทย 159,000 ล้าน

Date Time: 14 ก.ค. 2564 15:19 น.

Video

บัญชีม้า เกลื่อนเมือง คนไทยอยู่อย่างไร ใครต้องรับผิดชอบ ? | Money Issue

Summary

  • ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย ชี้โจทย์ใหญ่ของธุรกิจเกษตรและอาหารของไทย อาจต้องรับมือกับข้อกำหนดในการตรวจสอบย้อนกลับอาหาร หรือ Food Traceability ที่เข้มข้นขึ้น แนะผู้ประกอบการ 4 กลุ่มหลัก

Latest


ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย ชี้โจทย์ใหญ่ของธุรกิจเกษตรและอาหารของไทย อาจต้องรับมือกับข้อกำหนดในการตรวจสอบย้อนกลับอาหาร หรือ Food Traceability ที่เข้มข้นขึ้น แนะผู้ประกอบการ 4 กลุ่มหลัก ที่มีมูลค่าส่งออกรวมกันกว่า 159,000 ล้านบาทต่อปี ต้องปรับตัว

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 64 ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ประเมินว่า ผู้ประกอบการในธุรกิจเกษตรและอาหารต้องก้าวให้ทันมาตรฐานเกี่ยวกับ Food Traceability เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของอาหาร ประเด็นด้านสุขภาพและสวัสดิภาพแรงงาน

รวมทั้งความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม จึงต้องการรู้ที่มาที่ไปของอาหาร นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยความท้าทายที่จะเข้ามาในรูปแบบของมาตรฐานและกฎระเบียบทางการค้าใหม่ๆ ที่ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบย้อนกลับตลอดกระบวนการผลิต ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคทางการค้าสำหรับผู้ส่งออกไทยได้หากเตรียมตัวไม่ทัน

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรและอาหารต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบทางการค้าที่ออกมาใหม่ๆ อาทิ นโยบาย Farm to Fork ของสหภาพยุโรป ที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตจากฟาร์มไปจนถึงมือผู้บริโภค โดยจะต้องมีการพัฒนาระบบการผลิตและขนส่งอาหารที่มีความโปร่งใส ดีต่อสุขภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าอาหารโดยการบังคับติดฉลากเพื่อแสดงข้อมูลสินค้า

เช่น โภชนาการ แหล่งที่มา ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ หรือมาตรฐานเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาที่จะทำให้การตรวจสอบย้อนกลับของแหล่งที่มาอาหารจากเดิมที่ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบเอกสารมาเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2023

อภินันทร์ สู่ประเสริฐ นักวิเคราะห์ กล่าวว่า สินค้าเกษตรและอาหารของไทยที่ต้องเร่งดำเนินการเรื่อง Traceability อย่างจริงจังมี 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ สินค้าปศุสัตว์ ประมง อาหารสัตว์ และสินค้าผักและผลไม้ โดยสินค้าเหล่านี้มักถูกจับตาในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในสินค้า และยังเป็นกลุ่มสินค้าที่พึ่งพาตลาดสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับระบบการตรวจสอบย้อนกลับอาหารค่อนข้างมาก

นอกจากนี้ ในระยะหลังคู่ค้าสำคัญอย่างจีนก็เข้มงวดในมาตรการด้านสุขอนามัยในสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ทั้งนี้ สินค้า 4 กลุ่มหลักมีมูลค่าการส่งออกรวมกันถึง 159,000 ล้านบาทต่อปี หรือ 16% ของมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยซึ่งอยู่ที่กว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี

กฤชนนท์ จินดาวงศ์ นักวิเคราะห์ กล่าวเสริมว่า ผู้ประกอบการควรเริ่มจากการจัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นตลอดห่วงโซ่การผลิตในรูปแบบดิจิทัลเพื่อช่วยให้การตรวจสอบย้อนกลับอาหารทำได้ง่ายขึ้น อาทิ ข้อมูลแหล่งผลิตฟาร์มและเพาะเลี้ยง ชนิดพันธุ์พืชหรือพันธุ์สัตว์ ปริมาณการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง ข้อมูลการแปรรูป สำหรับตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับอาหาร

ได้แก่ การใช้ RFID, IoT, QR Code และ Blockchain ในการเก็บข้อมูลแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ โดยผู้บริโภคสามารถตรวจสอบย้อนกลับจากฉลากสินค้าในรูปแบบ QR Code อีกทั้งในกรณีที่เกิดโรคระบาดในสัตว์ยังช่วยลดเวลาที่ใช้ในการตรวจสอบสินค้าที่มีการปนเปื้อนจากเชื้อ

ทั้งนี้ ความสำเร็จที่สำคัญ คือ การสร้างพันธมิตรที่เกื้อหนุนกันทั้ง Ecosystem ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านการตรวจสอบย้อนกลับอาหาร รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐที่ให้การรับรองมาตรฐานและให้คำปรึกษาด้านมาตรฐานอาหาร เช่น สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และสถาบันอาหาร


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์