เราเป็นมนุษย์ 40 คิดแบบ "กรมเชษฐ์" AssetWise ขอทำคอนโดฯ ให้เป็นแฟชั่น

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เราเป็นมนุษย์ 40 คิดแบบ "กรมเชษฐ์" AssetWise ขอทำคอนโดฯ ให้เป็นแฟชั่น

Date Time: 27 เม.ย. 2564 08:20 น.

Video

แก้เกมหุ้นไทยตกต่ำ ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดแผนฟื้นความเชื่อมั่น | Money Issue

Summary

  • เราเป็นมนุษย์ 40 หรือ ปี 40 ได้เห็นภาพบริษัทหลายแห่งล้มหายตายจากไป ฉะนั้นเราก็จะรู้ว่าอสังหาฯ เวลาขึ้นก็ขึ้นเร็ว แต่เวลาลงก็ลงเร็วเช่นกัน

Latest


  • เราเป็นมนุษย์ 40 ที่ได้เรียนรู้จาก วิกฤติต้มยำกุ้ง กระแสเงินสดนั้นสำคัญ
  • AssetWise จะทำคอนโดมิเนียมให้เป็นแฟชั่น
  • ยืนหนึ่งใน Campus Condo ส่วน Common Area ก็สำคัญ 

แม้จะมีโควิด แต่ธุรกิจอสังหาฯ ก็ยังมีโอกาสเติบโตอยู่ จะเห็นได้ว่าโครงการบ้านแนวราบหลายแห่งมียอดจองซื้ออย่างล้นล้ามไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ และอาคารพาณิชย์ ในขณะที่คอนโดมิเนียมก็ขายดีเช่นกัน แต่โตไม่เท่ากับโครงการแนวราบ

"เศรษฐินีศรีราชา" มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณเล็ก กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ AssetWise ที่เตรียมนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET และเขายังเป็นเจ้าของวลี "เราทำคอนโดมิเนียม ให้เป็นแฟชั่น" อีกด้วย

กรมเชษฐ์ บอกกับว่า จริงๆ แล้ว AssetWise ตั้งมาปีนี้เป็นที่ที่ 17 แล้ว แต่ผมก็อยู่ในแวดวงอสังหาฯ มาตั้งแต่เด็กๆ ญาติก็ทำโครงการอสังหาฯ ล้มไปเมื่อตอนปี 2540 หรือวิกฤติต้มยำกุ้ง และกลับเข้ามาอยู่ในบิสซิเนสอีก

"เราเป็นมนุษย์ 40 หรือ ปี 40 ได้เห็นภาพบริษัทหลายแห่งล้มหายตายจากไป ฉะนั้นเราก็จะรู้ว่าอสังหาฯ เวลาขึ้นก็ขึ้นเร็ว แต่เวลาลงก็ลงเร็วเช่นกัน สิ่งที่ AssetWise แข็งแกร่งและรอดจากวิกฤติจากโควิด-19 รวมถึงวิกฤติน้ำท่วมตอนปี 2554 มาได้เพราะเรารู้เนเจอร์ของอสังหาฯ"

การที่โปรเจกต์จะประสบความสำเร็จมีด้วยกันอยู่ 2 เรื่อง 1. ทำโครงการให้เสร็จ และ 2. มีกระแสเงินสดประคองให้โครงการจบ ซึ่งแต่ละโครงการมีระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 2-3 ปี การลงทุนต้องมองไปข้างหน้าไกลๆ แม้มีวิกฤติแต่ทำอย่างไรให้อยู่รอด เรายึดหลักตรงนี้แล้วเวลามีวิกฤติ หรือมีปัจจัยใดๆ มากระทบ เราก็ยังไปต่อได้ อันดับถัดมาเราก็ต้องมาโฟกัสว่า อะไรบ้างที่เป็นความต้องการของลูกค้า

"ผมมองว่าเรื่อง Lifestyle มันมีความยาก เพราะคนที่ประสบความสำเร็จใน 10 ปีที่แล้วเขาอาจจะไม่ประสบความสำเร็จในอีก 10 ปีข้างหน้า เพราะไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนไป การอยู่อาศัย ความต้องการของคนเปลี่ยนไป เช่น คอนโดอาจจะไม่ใช่ห้องที่ใหญ่ แต่อาจจะเป็นห้องขนาดกระทัดรัด แต่พื้นที่ส่วนกลางใหญ่แทน สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ เราเก็บเป็น DATA เพื่อนำมาพัฒนาโปรดักส์ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ข้อดีคือ ทันสมัยในปัจจุบัน แต่ข้อที่เราต้องทำเพิ่มคือ จะทำอย่างไรให้เรามองเพิ่ม และต่อยอดต่อไปต่อในอนาคตได้"

AssetWise จะทำคอนโดมิเนียมให้เป็นแฟชั่น

กรมเชษฐ์ บอกว่า เราทำอสังหาฯ ของเราให้มี character จะสังเกตได้ว่าแบรนด์คอนโดมิเนียมของเราจะมีชื่อที่สื่อถึงคาแรกเตอร์นั้นๆ เช่น

- โมดิซ (MODIZ) เน้นความหรูหรา สไตล์โมเดิร์น นำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ เพื่อให้ตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบาย เต็มที่กับทุกวันของชีวิต

- แอทโมซ (ATMOZ) คอนโดมิเนียมสไตล์ รีสอร์ต ภายใต้แนวคิด Urban Refresh ออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง สวน และสระขนาดใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย เพื่อรองรับกลุ่มคนทำงานที่อยากพักผ่อน และเติมเต็มความสุขในทุกวัน เหมือน Daily Endorphin ทุกครั้งที่กลับบ้าน

- เคฟ (KAVE) คอนโดมิเนียมใกล้สถานศึกษา ที่เชื่อในพลังของความแตกต่างของคนรุ่นใหม่ มีการออกแบบดีไซน์พื้นที่ที่มีเอกลักษณ์ มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพื่อให้รองรับทุกไลฟ์สไตล์และความสนใจของคนรุ่นใหม่

แม้จะมีชื่อโครงการกำหนด character ของแต่ละโปรเจกต์แล้ว ยังต้องมีชื่อเล่นให้กับโครงการนั้นๆ ด้วยเพื่อกำหนด DNA ของโครงการ แม้จะเป็นเนื้อที่ในแปลงเดียวกัน แต่ก็อยากให้มี Gimmick ในแต่ละโครงการ จากนั้นก็จะส่งต่อให้เอ็นจิเนียร์ อินทีเรีย และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกันออกแบบให้ตรงกับ DNA ของโครงการ 

"ผมว่าคอนโดมิเนียม คือ แฟชั่น เราอยากทำให้มันเป็นแฟชั่น เพราะเราอยากอยู่คอนโดที่ไม่ซ้ำกับเพื่อน เราอยากมีสไตล์ เช่น คอนโดที่สร้างมา 400-500 ยูนิตถูกสร้างมาไม่จำเป็นต้องขายให้คนกรุงเทพฯ แต่ขายให้คนที่มีความชอบในแบบเดียวกัน ถ้าเราทำตรงนี้ชัด เราให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์กับลูกค้า และผู้อยู่อาศัย"


ยืนหนึ่งใน Campus Condo

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับอัตราการเกิดของเด็กที่น้อยลง ซึ่งในระยะกลางถึงระยะยาวอาจจะส่งผลให้กระทบต่อระบบการศึกษา ปัจจุบันหลายๆ มหาวิทยาลัยก็เริ่มปิดสาขา หรือควบรวมคณะที่มีคนเรียนน้อยลง หากถามว่าจะกระทบกับความต้องการ Campus Condo หรือไม่ กรมเชษฐ์ มองว่า ก็เหมือนกับหลายๆ ธุรกิจที่โดน disruption หลายมหาวิทยาลัยๆ ก็ต้องปรับตัว แต่ก็ยังมีหลายๆ มหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาเพิ่มขึ้น มีสาขาวิชาใหม่ๆ ที่มาตอบโจทย์ในยุคปัจจุบันและอนาคต

ก่อนที่เราจะไปทำโครงการเราก็จะเลือกมหาวิทยาลัยที่มีการปรับตัวเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งบริเวณที่เราเลือกไปทำ Campus Condo มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต และมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา แม้จะเป็นจะเป็น Niche Market ที่เป็นดีเทลอันใหม่ที่ และไม่จำเป็นต้องไปแข่งกับตลาดที่สร้างคอนโดตามแนวรถไฟฟ้า หรือ ในเมือง เป็นต้น


สำหรับลูกค้าในกลุ่ม Campus Condo ที่อยู่ภายใต้แบรนด์เคฟ ซึ่งลูกค้าเราก็มีหลาหลายเช่น กลุ่มผู้ลงทุนที่ซื้อเพื่อให้เช่า กลุ่มผู้อาศัยอยู่จริง เช่น เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล รวมไปถึงสถานที่ต่างๆ ที่ใกล้กับแคมปัส และกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองที่ซื้อเพื่อให้บุตรหลานอยู่ เพราะคอนโดมิเนียมมีระบบความปลอดภัยสูง มี Facilities ครบครันให้เลือกใช้สอย ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการทั้งเด็ก และผู้ปกครอง

เราออกแบบ Kave ให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก หรือ Facilities ที่เหมาะกับผู้ใช้งาน เช่น มีห้องคาราโอเกะ มีห้องโฮมเธียเตอร์ รวมไปถึงห้องอีสปอร์ต ซึ่งเราก็พบว่าผู้อยู่อาศัยได้เข้ามาใช้ Facilities จริงๆ และตอบโจทย์ความต้องการของเขาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

"เราเอาไลฟ์สไตล์ต่างๆ มาผนวกรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นขนาดห้อง การใช้พื้นที่ส่วนกลาง และสิ่งอำนวยความสะดวกมาร่วมออกแบบ อีกจุดเด่นหนึ่ง คือ Best Choice ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่เป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่ได้ และ Character ที่ได้ไปกับแบรนด์"

Common Area คือ หัวใจสำคัญ

กรมเชษฐ์ กล่าวว่า Common Area หรือ พื้นที่ในส่วนต่างๆ ลูกค้าส่วนใหญ่จะมองว่าคุ้ม และนี่คือจุดเด่นสำคัญของเรา ส่วนใหญ่อสังหาฯ ทั่วไป คนอาจจะมองแค่โลเคชั่น ตอนนี้ใครๆ ก็จะขายโครงการติดรถไฟฟ้า ใกล้รถไฟฟ้า แต่สิ่งที่เป็นความสำคัญลำดับถัดมา คือ ลูกค้าจะได้ห้องแบบไหน ในส่วนของแอสเซทไวส์ ถ้าเปรียบเทียบแล้ว ห้องเราจะแข่งขันอีกแบบ คือ การออกแบบที่พิเศษ

ยกตัวอย่างเช่น ห้อง 25 ตารางเมตร กับห้อง 26 ตารางเมตร พื้นที่มีความใกล้เคียงกัน แต่ถ้าประหยัดได้ 1 ตารางเมตร มูลค่าจะลดลงถึง 5 หมื่นถึง 1 แสนบาทเลยทีเดียว เราจึงดีไซน์ทุกตาราเมตรให้คุ้มค่า หรือห้อง 28 ตารางเมตร 3 ตารางเมตรที่เพิ่มขึ้นมาจะต้องมีฟังก์ชั่นพิเศษ เหล่านี้ก็ถือเป็นตัวช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในตลาด

"การมีพื้นที่ส่วนกลางที่มาก และการมีสิ่งอำนวยความสะดวก ถือเป็นจุดเปรียบเทียบของลูกค้าระหว่างแอสเซทไวส์ กับโครงการอื่นๆ เช่น คอนโดโลว์ไรท์ของเราแถวลาดพร้าว 15 มีสระว่ายน้ำ 2 สระ ส่วนลาดพร้าว 71 ก็มีฟิตเนส 2 ตำแหน่ง โดยเราคำนึงถึงความเพียงพอ และฟังก์ชั่นในการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีห้อง Co working space และ Co Dining Space ชวนเพื่อนมาทำงาน มาสั่งสรรค์ได้ ซึ่งตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่ไม่อยากไปห้าง"


กรมเชษฐ์ บอกอีกว่า เรื่องการดูแลหลังการขายโครงการก็สำคัญ แม้โครงการจะขายหมดไปแล้ว แต่เราก็ยังเชื่อมต่อกับลูกค้าในทุกๆ เรื่อง ถ้ามีคอมเมนต์ติในประเด็นไหน เราก็จะรีบเข้าไปแก้ไขและนำจุดนั้นไปพัฒนาไม่ให้เกิดปัญหานั้นซ้ำอีก เพื่อให้ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ เรายังมีกิจกรรมต่างๆ ที่ดูแลลูค้า เช่น assetwise club ที่มอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้กับลูกค้า

สำหรับในปี 2564 เรามีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 5 โครงการ มูลค่ารวม 6,694 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการ เคฟทาวน์ ชิฟท์, บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด พัฒนาการ, เคฟ ทียู, บ้านภูริปุรี โฮมออฟฟิศ ลาดพร้าว 41 และโมดิซ สุขุมวิท 50

ส่วนแผนเปิดโครงการใหม่อีก 6 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการแนวสูง 5 โครงการ ได้แก่ โครงการ เคฟ ศาลายา, โมดิซ ไรห์ม คลาวด์, แอทโมซ บางนา, เคฟ เอวา, โมดิซ ศรีราชา และโครงการแนวราบ 1 โครงการคือ บ้านภูริปุรี โฮมออฟฟิศ ลาดพร้าว 41 รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 10,850 ล้านบาท

"เรามีโครงการจะซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายโครงบ้านแนวราบให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ซึ่งราคาจับต้องได้ และมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครแน่นอน"

ผู้เขียน : เศรษฐินีศรีราชา kamonthip.h@thairathonline.co.th 
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun
ช่างภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ