โลกเปิดกว้าง คนไทยทุกเพศทุกวัย นิยมทำหัตถการ ดูแลผิวมากขึ้น ดันธุรกิจเวชศาสตร์ความงามโต 9.7% ต่อปี

Business & Marketing

Trends

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

โลกเปิดกว้าง คนไทยทุกเพศทุกวัย นิยมทำหัตถการ ดูแลผิวมากขึ้น ดันธุรกิจเวชศาสตร์ความงามโต 9.7% ต่อปี

Date Time: 24 มิ.ย. 2567 16:45 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • เผยเทรนด์ และแนวโน้มในตลาดความงาม หลังธุรกิจเวชศาสตร์ความงามของไทยโต 9.7% ต่อปี จากมุมมองและค่านิยมความงามที่เปิดกว้าง ส่งผลให้ผู้บริโภคยุคใหม่ ทุกเพศ ทุกวัน ทั้งกลุ่มผู้หญิง, ผู้ชาย, LGBTQIA+, Gen Y และ Gen Z หันมาดูแลสุขภาพผิวและความงามกันมากขึ้น

Latest


“กัลเดอร์มา” (Galderma) จัดงานสัมมนา “GAIN Business Forum 2024” ภายใต้หัวข้อ “Aesthetics Possibilities Shaped Together” อัปเดตเทรนด์ความงาม แนวโน้มตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภค พบ ธุรกิจเวชศาสตร์ความงามของไทยในช่วงปี 2565-2573 จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 9.7% ต่อปี และจากมุมมองและค่านิยมความงามที่เปิดกว้าง ส่งผลให้ผู้บริโภคยุคใหม่ ทุกเพศ ทุกวัน ทั้งกลุ่มผู้หญิง, ผู้ชาย, LGBTQIA+, Gen Y และ Gen Z หันมาดูแลสุขภาพผิวและความงามกันมากขึ้น โดยให้ความสนใจหัตถการความงามที่ช่วยรักษา ดูแล และเสริมความงามผิวควบคู่กันไป

6 เทรนด์ความงาม และ 5 เพื่อผู้บริโภคยุคใหม่

เนื่องจากปีนี้ได้ก้าวสู่ยุค Marketing 6.0 อย่างเต็มรูปแบบ และเพื่อให้เข้าใจมุมมองผู้บริโภคทุกเพศ-ทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลในยุคนี้ ที่ยินดีจะมีประสบการณ์แบบ Immersive ดื่มด่ำและหลอมรวมประสบการณ์ในโลกจริงและโลกเสมือนไปพร้อมกัน ดังตัวอย่าง ลูกค้าเดินไปดูสินค้าที่หน้าร้าน ทดลองสินค้าด้วย AR/VR โดยไม่ต้องใช้จริง สั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ และชำระเงินหน้าร้าน ซึ่งจะเห็นว่ามีการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานในการสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภค 

โดยเทรนด์ด้านความงามในปีนี้ จะพบว่า มี 6 เรื่องที่น่าติดตาม ได้แก่

  • Proactive Beauty: ความงามที่มุ่งไปข้างหน้า
  • Canceling Age: ความงามที่ปราศจากอายุ มีความเป็นกลาง
  • Expressionality: ความสวยในแบบที่เป็นตัวเอง
  • Beauty Fandom: แฟนดอมความสวย
  • Mindful Aesthetics: ความงามแบบพอดี
  • Fast Aesthetics: ความงามตามกระแส 

นอกจากนี้ ยังมีการอัปเดต 5 เครื่องมือที่เป็นตัวช่วยให้ธุรกิจความงามเข้าใจผู้บริโภคและมอบบริการที่ตอบเทรนด์เหล่านี้ได้ดีขึ้น ได้แก่

  • IoT: เครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยจับพฤติกรรมด้านความงามของผู้บริโภคแต่ละบุคคลในทุกๆ วัน 
  • AI: ตัวช่วยที่จะมาวิเคราะห์ Data ของผู้บริโภคแต่ละบุคคล รวมถึงกลุ่มแฟนคลับ แฟนดอมต่างๆ พร้อมนำมาช่วยให้คำแนะนำความงามเฉพาะบุคคลได้ดียิ่งขึ้น
  • 3D Asset: เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างภาพเสมือนจริงให้ผู้บริโภคเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบเหมือนจริงก่อนทำหัตถการแต่ละประเภท
  • Blockchain: ตัวช่วยเสริมเรื่องการป้องกันข้อมูลรั่วไหล
  • AR/VR: เครื่องมือในการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ผสมผสานกับโลกความเป็นจริง

การเข้าใจเครื่องมือเทคโนโลยีใหม่ๆ และใช้เครื่องมือให้เป็น รู้จักเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อลูกค้า และพร้อมที่จะปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง จะเป็นส่วนช่วยอย่างมากแก่ธุรกิจความงาม ในการรับมือกับความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายในปัจจุบัน

ตลาดความงามแข่งขันแรง

ความท้าทายที่ธุรกิจความงามต้องเผชิญ คือ การแข่งขันสูง ดึงดูดลูกค้าใหม่ยาก รักษาฐานลูกค้าเดิมไม่ได้ และไม่รู้วิธีนำข้อมูลของลูกค้าไปใช้ จึงเป็นที่มาของกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าระดับ High Value ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของคลินิกความงาม ด้วย B.E.A.U.T.Y. Framework ประกอบไปด้วย 

  • B-Build Target Audience: สร้างและแบ่งกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน
  • E-Engage: สร้างคอนเทนต์ที่เข้าใจลูกค้า พร้อมแก้ปัญหาได้ตรงจุด
  • A-Acquire: สร้างความแตกต่างเพื่อโน้มน้าวใจลูกค้า
  • U-Upsell: ต่อยอดการขาย-ซื้อเพิ่ม-ซื้อซ้ำ
  • T-Track and Optimize: วัดผล-ติดตามผล-ปรับปรุง
  • Y-Your Customer: เปลี่ยนลูกค้าขาจรเป็นขาประจำ และบอกต่อ

ไม่เพียงเท่านี้ ภายในงานยังมีการนำเสนอแนวทางในการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกิจออนไลน์ เนื่องจากการแข่งขันของตลาดความงามในโลกออนไลน์ก็มีความดุดันเช่นกัน โดยจากผลการสำรวจข้อมูลบน TikTok พบว่า กลุ่มผู้ใช้งาน TikTok ในประเทศไทย 3 อันดับแรก เป็นสายรักสวยรักงาม 34.3 ล้าน, สายใส่ใจสุขภาพ 11.8 ล้าน และสายรักการออกกำลังกาย 6.1 ล้าน ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความเชื่อมโยงกับการดูแลความสวยความงามทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้น แบรนด์จำเป็นจะต้องพัฒนาแนวทางในการโปรโมตผลิตภัณฑ์และบริการของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น การสร้างคอนเทนต์รีวิวจากครีเอเตอร์, คอนเทนต์ให้ความรู้ โชว์ความเชี่ยวชาญ, คอนเทนต์สร้างการบอกต่อ และคอนเทนต์กระตุ้นการทดลองใช้ ผ่านเทคนิค G.R.O.W. Framework ที่ประกอบด้วย 

  • G-Generate: สร้างคอนเทนต์ให้กลุ่มเป้าหมายมาชมผ่านเครื่องมือต่างๆ
  • R-Reach: เพิ่มการเข้าถึงผ่านการทำงานควบคู่กับครีเอเตอร์ที่มีฐานแฟนคลับ
  • O-Optimize: สร้างคอนเทนต์ที่ไปหากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการด้วยตัวเราเอง
  • W-Win: ใช้ดาต้าดูผลลัพธ์เพื่อนำไปปรับการทำคอนเทนต์ หรือช่วงเวลาในการโพสต์ให้ดียิ่งขึ้น 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์