คันแข่ว สวบ สวบ สวบ! เรียกได้ว่ารันไปทุกวงการสำหรับ “หมูเด้ง” ลูกฮิปโปแคระ เซเลบชื่อดังของไทย แห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียวที่กำลังเป็นไวรัลไปทั่วโลก เพราะความน่ารัก นุ่มนิ่ม ซุกซน และท่าทางการเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเด้งไปเด้งมา
ทำให้สามารถ “ตก” ทุกคนให้เข้าด้อมได้อย่างง่ายดาย จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” ที่กลายมาเป็น “Cute Marketing” โดยที่หลายแบรนด์ต่างหยิบยกเอาความน่ารัก ความคิดสร้างสรรค์ และมีมคาวาอี้มาใช้ประโยชน์ ผ่านการสร้างเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อมัดใจลูกค้า ขายง่ายด้วยความ "Organic"
แล้วน้องหมูเด้งคือใคร? “หมูเด้ง” คือ ฮิปโปแคระเพศเมีย จากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 เป็นลูกของพ่อโทนี่ อายุ 24 ปี และแม่โจน่า อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นครอบครัวฮิปโปของทางสวนสัตว์อยู่แล้ว แต่ด้วยคาแรคเตอร์ของหมูเด้งเอง ที่มีความน่ารัก ดีดๆ กวนๆ บวกกับฟันซี่น้อยๆ ทำให้ผู้ที่มาพบเห็นรู้สึกฮีลใจ สร้างความผ่อนคลาย แถมยังเอ็นดูไปอีกด้วย
ทำให้หลังจากที่ “หมูเด้ง” ลืมตาดูโลก สวนสัตว์เปิดเขาเขียวก็ได้ทำการเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมหมูเด้ง ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1-20 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา มีประชาชนเข้าไปชมหมูเด้งแล้วกว่า 80,000 คน สร้างรายได้ให้สวนสัตว์กว่า 13 ล้านบาท
ทำให้กระแสความฮอตของเซเลบสาวมาแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งถูกตัดต่อเป็นมีมดัง เช่น วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส ทีมอเมริกันฟุตบอลชื่อดัง ได้ตัดต่อภาพหมูเด้งไปใส่ภาพทีมของพวกเขาขณะฉลองชัยชนะด้วย หรือแม้กระทั่ง Mofusand คาแรคเตอร์แมวเหมียวสุดน่ารักยังอดใจไม่ไหวจับน้องแมวมาสวมชุดหมูเด้งทำเป็นแฟนอาร์ต, ได้ลงนิตยสาร Time และ National Geographic, CNN สำนักข่าวระดับโลกก็พาดหัวข่าว และล่าสุด Walt Disney Studios ยังต้อนรับน้องหมูเด้งสู่อาณาจักร! ด้วยเช่นกัน
แต่ความดังของดาราสาวยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ล่าสุดยังมีเหรียญมีมหมูเด้ง (MOODANG) อีกทั้งทาง LINE MAN ยังมีการเปิดเผยสถิติออเดอร์ไข่พะโล้เพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วงเดือนที่ผ่านมา รวมทั่วประเทศขายไปแล้วกว่า 260,000 ฟอง ตลอด 1 เดือนที่เป็นกระแส
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะมีมฮาๆ จากหมูเด้ง และกระแสเมนูไข่พะโล้ของเอ-ศุภชัย ทำให้แฟนๆ รู้สึกอยากกินเมนูพะโล้ รวมไปถึงสถิติยอดค้นหาข้าวขาหมูบน LINE MAN ว่าเพิ่มขึ้น 50% ภายใน 1 สัปดาห์ พุ่งแซงเมนูฮิตอย่างชาบู ซูชิ เป็นประวัติการณ์
เรียกได้ว่าความสำเร็จของ "หมูเด้ง" ไม่ใช่แค่โชคช่วยหรือเรื่องบังเอิญ แต่นี่คือกลยุทธ์การตลาดแบบ "Organic Marketing" ที่เล่นกับใจคน เพื่อสร้างตัวตนให้ธุรกิจต่างๆ ถูกมองเห็นได้โดยอาจไม่ต้องพึ่งพางบยิงโฆษณาเลยแม้แต่น้อย ดังเช่นการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก นั่นก็เพราะการอิงกับกระแสไวรัลที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้
รวมทั้งการใช้ Cute Marketing กลยุทธ์การตลาดที่อาศัยความน่ารักเป็นตัวชูโรงมาร่วมด้วย เพราะมีงานวิจัยที่ชี้ชัดแล้วว่าคนเรามีแนวโน้มจะรู้สึกอยากครอบครองสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากขึ้น เมื่อสมองประมวลผลแล้วว่าสิ่งนั้นน่ารัก น่าทะนุถนอม ทำให้เทคนิคนี้กลายเป็น “อาวุธลับ” ที่ทรงพลังอย่างแท้จริง! อย่างที่ผ่านมาเราจะเห็นได้จาก แพนด้า คาปิบารา หรือแม้กระทั่งน้องหมีเนย และลาบูบู้ ที่เคยเป็นไวรัลช่วงหนึ่ง
ซึ่งความน่ารักเหล่านี้ในทางวิทยาศาสตร์ระบุไว้ว่า จะเป็นการไปกระตุ้นสัญชาตญาณของมนุษย์ให้รู้สึกอยากเข้าไปปกป้องดูแล เมื่อเราเลือกแปะป้ายแล้วว่าสิ่งนั้นมีความน่ารัก สมองก็จะหลั่งสารออกซิโทซิน (Oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความรู้สึกรัก ความผูกพันทางใจ และสารโดปามีน (Dopamine) ฮอร์โมนแห่งความสุข นอกจากนี้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ฮีลใจจากความเครียด ทำให้มนุษย์คลั่งไคล้สิ่งน่ารัก ๆ วนไป
นักการตลาดจึงหยิบยกหลักการนี้มาใช้ในธุรกิจผ่านกลยุทธ์การตลาด Cute Marketing โดยมองว่า “ความน่ารัก” เป็นพลังที่เข้าถึงได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งความน่ารักในที่นี้ไม่เฉพาะเจาะจง ได้ทั้งคน สัตว์ และสิ่งของ ขึ้นอยู่กับว่าคาแรคเตอร์ของแบรนด์นั้น ๆ เหมาะกับอะไร
จึงไม่แปลกหากบรรดาแบรนด์จะหยิบยกเอาหมัดเด็ดตรงนี้มาสร้างเป็นไวรัล ไม่ว่าจะเป็น เซโฟร่า (Sephora) ที่ดึงน้อง "หมูเด้ง" มาแนะนำบลัชออนตัวดังที่ได้ลุคคิ้วท์สุดๆ
อีกทั้ง Grab ก็ได้โพสต์ POV เมื่อมองหมูเด้งด้วยสายตาคนหิว, ซีเล็ค (SEALECT) ก็ได้ทำมีม หรือจริงๆ … ที่น้องเกรี้ยวกราดเพราะหวง “ของอร่อย” และล่าสุด ช้างดาว รองเท้าแตะแบรนด์ไทย ของค่ายนันยางที่หลายคนชื่นชอบก็เปิดตัว ช้างดาวหมูเด้ง รองเท้าแตะรุ่นใหม่สีเดียวกับน้องไว้ตกเหล่าด้อมให้เข้าเทรนด์ด้วยคน
รู้แล้วรึยังคะว่าทำไมคนเรามักพ่ายแพ้ให้กับความน่ารัก?
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney