ซูซูกิลั่นปีหน้ามี 4 โมเดลใหม่ รุกเข้มเต็มร้อยมุ่งเสริมความแกร่งด้านบริการ

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ซูซูกิลั่นปีหน้ามี 4 โมเดลใหม่ รุกเข้มเต็มร้อยมุ่งเสริมความแกร่งด้านบริการ

Date Time: 19 ก.ค. 2567 06:01 น.

Summary

  • “ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)” ประกาศแผนดำเนินธุรกิจในไทย รุกเข้มเต็มที่ แม้จะปิดโรงประกอบรถยนต์ในไทยภายในสิ้นปี 2568 โดยหันมาทำตลาดรถนำเข้าแทน พร้อมมุ่งเสริมความแข็งแกร่งด้านงานบริการ เร่งเดินหน้าขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค

Latest

รอบรั้วการตลาด : Mega Clinic ทำ all-time high เปิดกลยุทธ์ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย

นายทาดาโอะมิ ซูซูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้แถลงถึงการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย หลังจากที่ได้ประกาศจะปิดโรงประกอบรถยนต์ในประเทศไทยภายในสิ้นปีหน้าว่าจากการที่มาตรการส่งเสริมการลงทุนในการผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือ “อีโคคาร์” ของไทย จะสิ้นสุดลงในปีหน้าคือปี 2568 และทางการไทยไม่มีแนวโน้มจะส่งเสริมรถยนต์ประเภทนี้ ขณะที่สภาวะตลาดรถยนต์ในไทยก็เปลี่ยนแปลง รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่หดตัว ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ในประเทศพลอยซบเซา สถาบันการเงินเพิ่มการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อรถยนต์

ขณะเดียวกัน ในตลาดยังมีผู้เล่นรายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ตลาดรถกลับเล็กลง ทำให้เกิดสงครามราคารุนแรง และดูแนวโน้มตลาดในประเทศยังไม่มีวี่แววจะฟื้น กอปรกับการที่ซูซูกิมีฐานผลิตรถยนต์ที่ใหญ่อยู่ 3 แหล่ง คือ อินโดนีเซีย อินเดีย และญี่ปุ่น จึงได้ตัดสินใจปิดโรงประกอบรถยนต์ในประเทศไทยภายในปีหน้า หันมาเน้นการทำตลาดรถนำเข้าจาก 3 ประเทศดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ซูซูกิมีรถที่มีเทคโนโลยีทันสมัยซึ่งใช้พลังงานหลากหลายให้สามารถตรงกับความต้องการของตลาด

ทั้งนี้ แม้จะต้องเผชิญกับการแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เข้มข้น สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงไม่ฟื้นตัว จนส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ในภาพรวม และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญในช่วงที่ผ่านมา ซูซูกิยังมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศไทยต่อไปอย่างมั่นคง จึงเตรียมแผนการดำเนินธุรกิจให้พร้อมรองรับต่อการแข่งขันในอนาคต ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้วิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจ “Enhancing the Ability to Compete in the Upcoming Automotive Market เพิ่มขีดความสามารถสู่การแข่งขันในอนาคต” ที่ได้ทำการประกาศแก่ผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

โดยแผนการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่จะเกิดขึ้นภายใต้แคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” ซึ่งจะเป็นการยกระดับงานบริการในทุกด้าน เน้นย้ำถึงการดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ มอบคุณภาพของงานบริการที่ดีที่สุด ตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้าชาวไทยมอบให้เสมอมา

นอกจากแผนการพัฒนางานบริการในด้านต่างๆ ซูซูกิยังเตรียมความพร้อมแข่งขันในตลาดรถยนต์ ด้วยแผนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ 4 รุ่น ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางและนโยบายการรักษาความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยประกอบไปด้วยรถประเภทไฮบริดและรถพลังงานไฟฟ้า 100% โดยมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าแต่ละรุ่นจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้าและสามารถแข่งขันได้ในอนาคตอย่างแน่นอน

ด้านนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศยังคงซบเซา ช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.2567) ตลาดรถยนต์รวมมียอดขายอยู่ที่ 307,995 คัน สำหรับซูซูกิ ยอดขายรวมทั้งสิ้น 3,791 คัน ลดลง 54% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ตลาดยังคงหดตัว คือ ปัญหาสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น กระทบต่อการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินอย่างชัดเจน

คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 650,000 คัน ขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 750,000 คัน การที่ยอดขายรถยนต์หายไปถึง 100,000 คัน ไม่ใช่เรื่องปกติ ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าทั้งตลาดรถยนต์และภาวะเศรษฐกิจมีปัญหา สถาบันการเงินเพิ่มการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ ขณะที่ตลาดรถมือสองก็ผันผวน ไม่สามารถให้ราคารถที่ลูกค้าจะเทิร์นรถได้ในระดับราคาที่ลูกค้ายอมรับได้ ทำให้ตลาดรถใหม่ยิ่งมียอดขายอืดมากขึ้น เพราะลูกค้าไม่อยากจะเปลี่ยนรถใหม่ เพราะราคาเทิร์นไม่ดี

“ซูซูกิจึงได้ปรับเปลี่ยนแผนการทำตลาดรถยนต์ในไทย หันมาทำตลาดรถยนต์นำเข้าแทนจาก 3 ประเทศคือ อินโดนีเซีย อินเดีย และญี่ปุ่น โดยในปีนี้จะยังคงจำหน่ายรถ 5 รุ่นที่ทำตลาดอยู่ คือ สวิฟท์, เซเลริโอ, เออร์ติกา, เอ็กซ์แอล 7 และแครี่ ส่วนปีหน้าจะมีการแนะนำรถรุ่นใหม่ประเภทนิวโมเดลมาเสริมตลาดถึง 4 รุ่น มีทั้งรถไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า โดยทั้ง 4 รุ่น เป็นรถนำเข้า”

ในส่วนของโชว์รูมและศูนย์บริการยังคงมีกระจายครอบคลุมทั่วไทยถึง 92 แห่ง ซึ่งแนวโน้มจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังก็มีอยู่ถึง 32 แห่ง ทั้งนี้ แม้ได้มีข่าวว่าซูซูกิจะปิดโรงประกอบรถยนต์ในประเทศไทย แต่ก็ยังคงมีผู้สนใจขอสมัครเป็นดีลเลอร์อยู่เรื่อยๆ

ทั้งนี้ เพื่อให้ซูซูกิสามารถดำรงอยู่ได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในประเทศไทย การปรับปรุงแผนและพัฒนาการดำเนินงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ จึงได้มีการนำเสนอแคมเปญ “SUZUKI WORRY FREE” ที่เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถรองรับการดูแลลูกค้าด้วยคุณภาพและมาตรฐานของซูซูกิได้อย่างแท้จริง ซึ่งรายละเอียดจะประกอบไปด้วย 7 หัวข้อ ดังนี้

1.ฟรี! ค่าแรงเช็กระยะ สูงสุด 3 ปี, 2.ขยายการรับประกันอะไหล่และงานบริการ, 3.บริการพิเศษรถสำรองใช้ระหว่างซ่อม, 4.HELLO SUZUKI APPLICATION ยกระดับงานบริการแบบ S-Solution, 5.ระบบการจัดการอะไหล่ มีเป้าหมายรองรับบริการได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี, 6.ศูนย์บริการครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และ 7.ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังตามมาตรฐานของซูซูกิ

“ขอให้เชื่อมั่นได้ว่า เราจะยังเดินหน้าพัฒนาคุณภาพในทุกด้านอย่างไม่หยุดยั้ง โดยยึดความสำคัญด้านการบริการทั้งก่อนและหลังการขายเป็นที่ตั้ง เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ จนเราสามารถสร้างยอดขายสะสมนับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้ถึง 310,885 คัน”.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ