เมื่อการซื้อ-ขาย ปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ “ต้องมีหน้าร้าน” การเกิดขึ้นของการค้าแบบไร้รอยต่อ ซึ่งมีกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญใน “ธุรกิจค้าปลีก” ทำให้ “ลูกค้า” เป็นศูนย์กลางความสนใจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะแนวคิดที่เคยแพร่หลาย เช่น “Multichannel” และ “Omnichannel” ก็กลายเป็นว่ามีความสำคัญลดลง เพราะการเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางมีความสำคัญมากขึ้น
ช่อทิพย์ วรุตบางกูร หัวหน้าฝ่าย Consumer & Retail เคพีเอ็มจี ประเทศไทย กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีก กำลังเผชิญกับคลื่นดิจิทัลดิสรัปชั่นระลอกที่ 3 เป็นผลจากการค้าแบบไร้รอยต่อ โดยที่เห็นเด่นชัดคือการเพิ่มขึ้นของระบบอีคอมเมิร์ซ การค้าบนมือถือ การค้าปลีกแบบหลายช่องทาง รวมถึงการใช้การวิเคราะห์ข้อมูลและ AI ทำให้ผู้ค้าปลีกสามารถเชื่อมช่องทางต่างๆ ให้สัมพันธ์กัน การค้าแบบไร้รอยต่อ (Seamless Commerce) จึงเป็นการเข้าสู่ระยะใหม่ของการพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีก ซึ่งเน้นให้ความสำคัญกับเส้นทางของผู้บริโภค (Customer Journey) เป็นอันดับแรก
สอดคล้องกับรายงานของ KPMG ที่ได้ทำการสำรวจจากผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 7,000 ราย ในตลาด 14 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
โดยรายงานยังรวมข้อมูลการสัมภาษณ์ผู้บริหารอาวุโสระดับ C-suite จากผู้ค้าปลีก แบรนด์ และบริษัทอีคอมเมิร์ซชั้นนำถึงประเด็นสำคัญของรายงานประกอบด้วยแนวโน้มหลัก 6 ประการที่กำลังเปลี่ยนแปลงธุรกิจค้าปลีก
ทั้งหมดนี้คืออนาคตของ “ธุรกิจการค้า” ที่ขับเคลื่อนโดยคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจและพร้อมจ่ายเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลและนักลงทุนก็ขานรับเทรนด์รักษ์โลก และกลายมาเป็นแรงกดดันถึงผู้ผลิตและธุรกิจค้าปลีกในที่สุด
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้การเติบโตโดยทั่วไปของเศรษฐกิจการค้าปลีกในเอเชียแปซิฟิกจะอยู่ในระดับที่ค่อยๆ เข้าใกล้ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่การใช้จ่ายของผู้บริโภคในปี 2567 ยังมีแนวโน้มที่จะเริ่มชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากผู้บริโภครู้สึกถึงผลกระทบของ “ต้นทุน” ที่สูงขึ้น ตลาดบางแห่งจึงเห็นการเติบโตที่ไม่ชัดเจน ในขณะที่ตลาดอื่นๆ กำลังเผชิญกับแนวโน้มขาลง
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นยิ่งที่ “ผู้ค้าปลีก” จะต้องเรียนรู้วิธีดึงดูด “ผู้บริโภค” ให้ได้มากขึ้นในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและในอนาคตที่มีความไม่แน่นอนสูง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ผู้บริโภคมีการปรับการใช้จ่ายของตน การเปลียนแปลงของธุรกิจให้เหมาะสมกับตลาด และพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นเอง.
อ้างอิง KPMG
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney