“กัลฟ์” จับมือ “กูเกิล” ลุยคลาวด์ ต่อยอดธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ 2 หมื่นล้าน

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดแถลงข่าวพร้อมกับนายคาราน บาจวา รองประธาน กูเกิล คลาวด์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ถึงความร่วมมือกับกูเกิล คลาวด์ เพื่อรุกตลาดคลาวด์ในไทย โดยนายสารัชถ์กล่าวว่า บริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด (Gulf Edge) ในเครือกัลฟ์ และกูเกิล คลาวด์ ได้ตกลงเป็นพันธมิตร สำหรับการให้บริการ Sovereign Cloud (คลาวด์อธิปไตย หรือคลาวด์ที่มีการจัดเก็บข้อมูลประมวลผล ที่ดำเนินการภายใต้ขอบเขตและข้อบังคับของรัฐ) ในประเทศไทย โดยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ จะรวมจุดแข็งของกูเกิลด้านเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยสำหรับองค์กร โครงสร้างพื้นฐาน นักพัฒนา ข้อมูล ความปลอดภัย และเครื่องมือการทำงานร่วมกัน กับจุดแข็งความเป็นผู้นำของกัลฟ์ในด้านการผลิตไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในไทย โดยเฉพาะด้านพลังงานสะอาด ศูนย์ข้อมูลและโทรคมนาคมผ่านบริษัทในเครือ

ทั้งนี้ Gulf Edge จะได้รับสิทธิ์จากกูเกิลคลาวด์ ดำเนินธุรกิจระบบคลาวด์ Google Distributed Cloud (GDC) ในฐานะผู้ให้บริการ Managed GDC Provider (MGP) สำหรับองค์กรในไทย โดยมุ่งให้บริการคลาวด์ประเภท GDC air-gapped ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ Google Sovereign Cloud ที่ทำงานภายใต้สภาพแวดล้อม ตามความต้องการของผู้ใช้งานคลาวด์ และตัดขาดจากการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตสาธารณะโดยสิ้นเชิง โดย GDC air-gapped มีคุณสมบัติเด่นคือ มีการรักษาความปลอดภัยหลายชั้น เพื่อให้ได้รับการควบคุมสูงสุด และปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับ รวมถึงความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์ของผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน ความปลอดภัยเครือข่าย การเข้ารหัส การระบุตัวตน และการจัดการการเข้าถึง การดำเนินการด้านความปลอดภัย ซึ่งทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าข้อมูล การดำเนินงาน และซอฟต์แวร์ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของลูกค้าและอยู่ภายในขอบเขตของประเทศไทยโดยสมบูรณ์ เป็นไปตามกฎหมายของไทย เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นายสารัชถ์กล่าวต่อว่า ถือเป็นการต่อยอดการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ 50 เมกะวัตต์ ของบริษัทที่แบ่งลงทุน 2 เฟส เฟสละ 25 เมกะวัตต์ โดยเฟส 1 จะลงทุนราว 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จพร้อมให้บริการเดือน มี.ค.68 จากนั้นขยายเฟส 2 อีก 10,000 ล้านบาท ภายใน 2 ปี รวมลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ 20,000 ล้านบาท ส่วนบริการคลาวด์ที่ร่วมกับกูเกิล คาดจะเริ่มให้บริการได้กลางปี 68 กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก คือหน่วยงานที่ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยข้อมูลทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่มีความสำคัญหรือข้อมูลที่เป็นความลับขั้นสูง เช่น หน่วยงานความมั่นคงภาครัฐ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ข้อมูลด้านการเงินการธนาคาร ข้อมูลการให้บริการทางการแพทย์ และความปลอดภัยสาธารณะ พลังงานและสาธารณูปโภค เป็นต้น ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะเพิ่มขีดความสามารถให้ลูกค้าองค์กรในอุตสาหกรรมสำคัญของไทย และสนับสนุนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันด้วยนวัตกรรม AI ชั้นนำของโลก และการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพสูง ถือเป็นการปูทาง เพื่อนำประเทศขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและ AI ในอนาคต ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือด้านอื่นๆกับกูเกิล รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังบริการด้านอื่น ในระบบนิเวศคลาวด์ทั้งด้าน AI และไซเบอร์ซิเคียวริตี้

นายคาราน บาจวา รองประธาน กูเกิล คลาวด์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า กูเกิลมีมุมมองว่าไทยเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง มีความต้องการจากรัฐและเอกชน ที่สำคัญนโยบาย Cloud First ของรัฐบาลไทย เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เกิดการใช้งานคลาวด์ที่มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาภาคธุรกิจในไทยอาจใช้ศักยภาพของคลาวด์ไม่เต็มที่ เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งกัลฟ์ถือเป็นพันธมิตรผู้ให้บริการ MGP ของกูเกิลรายแรกในไทยและในอาเซียน เนื่องจากมีศักยภาพและความพร้อม ทั้งความแข็งแกร่งด้านอินฟราสตรักเจอร์ บุคลากรรวมถึงการเข้าถึงและเข้าใจตลาด ที่สำคัญมีดาต้า เซ็นเตอร์ที่มีมาตรฐานและความปลอดภัยสูงมาตรฐานเดียวกับที่กูเกิลใช้.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่