ขอลดอายุ! “SEWA” (เซวา) เจ้าแม่ “น้ำตบโสมแดง” รุกตลาดครีมซอง-กันแดด เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ รักสวยรักงาม

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ขอลดอายุ! “SEWA” (เซวา) เจ้าแม่ “น้ำตบโสมแดง” รุกตลาดครีมซอง-กันแดด เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ รักสวยรักงาม

Date Time: 6 มิ.ย. 2567 19:19 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • เซวา ไทยแลนด์ ตอกย้ำแบรนด์สกินแคร์บำรุงผิวครบวงจร รุกตลาดครีมซอง แตกไลน์สู่กันแดดเนื้อไฮบริดใหม่ล่าสุด พร้อมดึง "เก๋ไก๋" เป็นพรีเซนเตอร์คนล่าสุด หวังเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักสวยรักงาม

Latest


เพราะความสวยรอไม่ได้นะคะซิส! ดังนั้นสมัยนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็เจอแต่ตัวแม่ในวงการบันเทิง รุกขึ้นมาปั้นแบรนด์เป็นของตัวเองกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ “วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์” ที่จับมือกับ “ปุ๊ก-เบญจกิติ เมฆแสน” สู่ ซีอีโอ และผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ เซวา ไทยแลนด์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “SEWA” สกินแคร์แบรนด์ดังขวัญใจเซเลบ ที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 อย่างแข็งแกร่ง 

เบญจกิติ เล่าย้อนกลับไปถึงเริ่มต้นธุรกิจ “SEWA” ว่า จากความชอบและสนใจในเรื่องของสกินแคร์ด้วยกันทั้งคู่ ได้จุดประกายมาเป็นธุรกิจเฉกเช่นทุกวันนี้ โดยเริ่มแรกเราทั้งคู่ต่างเสาะหาส่วนผสมที่ดีที่สุด เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค 

กระทั่งได้พบกับโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่ดีที่สุดในประเทศเกาหลี มาช่วยในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด จนกระทั่งเจอกับโสมเกาหลี ที่มีการยอมรับในระดับสากล ว่าเป็นส่วนผสมที่ทรงคุณค่า และนั่นเองจึงได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นให้กับแบรนด์ “SEWA” ในวันนี้ ที่มีสินค้าในพอร์ตรวมแล้วกว่า 14 SKUs ทั้งสกินแคร์ คอสเมติก มอยส์เจอไรเซอร์ ส่วนฮีโร่โปรดักต์ คือ น้ำตบโสมแดง

ครีมซองแข่งดุ! แห่ออกสินค้าชิงพื้นที่บนเชลฟ์

โดยมีการวางจำหน่ายทั้งช่องทางออนไลน์ 40% และโมเดิร์นเทรด 60% รวมถึงร้านค้าในต่างจังหวัดด้วยเช่นกัน และล่าสุดกับการบุกตลาดไปอีกขั้นเจาะกลุ่มสินค้ารูปแบบ “ซอง” เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคที่เป็นพรีเมียมแมสมากขึ้น 

ด้าน วุ้นเส้น วิริฒิพา กล่าวต่อไปว่า 8 ปีที่ผ่านมา ภาพจำของแบรนด์เซวา ส่วนใหญ่จะเป็นระดับเซเลบนางเอก แต่ปัจจุบันเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป เทรนด์ความสวยความงามไม่จำกัดเพียงแค่ “อายุ” ดังนั้นเซวาจึงต้องการที่จะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังคนรุ่นใหม่มากขึ้น จากเดิมฐานลูกค้าจะมีสัดส่วนอายุอยู่ระหว่าง 30-70 ปี ที่มีกำลังซื้อเป็นส่วนใหญ่ 

“ในปีนี้เราเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียมแมส โดยการแตกไลน์สู่รูปแบบครีมซองมากขึ้น หวังชิงพื้นที่เชลฟ์ในร้านสะดวกซื้อ อาทิ เซเว่นอีเลฟเว่น เนื่องจากพบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนทุกเดือน โดยชอบลองของใหม่ ที่มีขนาดพอเหมาะมือ ราคาเข้าถึงได้ และสกินแคร์ก็เหมือนฟาสต์แฟชั่นมีสินค้าใหม่ๆ ออกมาบ่อยมาก จึงถือเป็น Red Ocean จากเดิมที่มีเพียง 20-30 แบรนด์ มาวันนี้มีมากกว่า 100 แบรนด์ให้ได้เลือกซื้อ และส่วนใหญ่ที่เรตราคาที่ลูกค้าพึงพอใจคือ 49-69 บาท จึงทำให้ในไตรมาส 3 ของปีนี้เซวาจะบุกตลาดซองอย่างจริงจัง” 

บวกกับเปิดตัวสินค้าใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น นั่นคือ “กันแดดเนื้อไฮบริด” ที่ใช้ระยะเวลาในการพัฒนาสูตรกว่า 2 ปี โดยมีการผสานกันแดดแบบ Physical และ Chemical ไว้ในหนึ่งเดียว ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด UVA และ UVB แสงสีฟ้า ฝุ่น และมลภาวะ PM 2.5 ในราคาเพียงหลักร้อย 

พร้อมกับดึง “เก๋ไก๋-ณัฐธิชา นามวงษ์” อินฟลูเอนเซอร์คนแรก ที่มานั่งแท่นพรีเซนเตอร์คนล่าสุด เจาะกลุ่มทั้งผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ที่ผิวแพ้ง่าย ใช้ได้ตั้งแต่ 3 ขวบเป็นต้นไป โดยตั้งเป้าโกยรายได้กว่า 50 ล้านบาท ในปี 2567 คิดเป็นจำนวนกว่า 500,000 หลอด 

วุ้นเส้น เล่าต่อไปว่า ส่วนในระยะถัดไป คาดว่าจะมีการแตกไลน์สู่ครีมกันแดดทาตัว และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย อาทิ โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ กันแดด ด้วยเช่นกัน เพราะมองว่าแม้เศรษฐกิจจะไม่ดี กำลังซื้อคนหดหาย แต่เรื่องของความสวยความงาม และการดูแลตัวเองยังเป็นสิ่งที่คนยอมจ่าย เราจึงได้ทำสินค้าใหม่ๆ ออกมาในราคาที่จับต้องได้

ขณะที่งบการตลาดในปีนี้ทางแบรนด์ได้ตั้งไว้ประมาณ 100 ล้านบาท โดยจะเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก จากเดิมที่ใช้สื่อ OOH ถึง 100% ซึ่งจะเน้นเจาะไปที่ผู้ใช้งานจริง ผ่านการส่งไปให้กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ทดลองใช้ โดยที่ไม่บังคับในการรีวิว เพราะมองว่า หากสินค้าดีจริงคนก็จะกลับมาซื้อ และเกิดการบอกต่อเองในที่สุด 

รวมทั้งขยายช่องทางการขายของโมเดิร์นเทรดเพิ่มมากขึ้น เพราะจากที่ผ่านมาลูกค้าของเซวาไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชาวต่างชาติ อาทิ จีน ที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ส่วนไอเท็มที่ชาวต่างชาติชอบซื้อ และขายดีสุด คือ โสมแดง มาสก์หน้า และแป้ง 

ลบภาพแบรนด์ดารา ที่มาโกยยอดแล้วไป

สะท้อนให้เห็นถึงคีย์สำคัญที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ นั่นคือ “ความจริงใจ” ผ่านการใช้เอง โปรโมตเอง และเรียลยูสเซอร์ ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ว่าแบรนด์เซวาเริ่มติดตลาดตั้งแต่ 2 ปีแรกที่ทำธุรกิจ 

ส่วนความท้าทายทั้งคู่เห็นตรงกันว่า การที่ดารามาทำสินค้า ทำให้เกิดการตั้งคำถามจากผู้บริโภคมากมายว่า “ของดีจริงไหม?” “จะมาโกยยอดขายแล้วไปหรือเปล่า” ทั้งหมดนี้กลายมาเป็นเป้าหมายสำคัญที่ทำให้ วุ้นเส้น วิริฒิพา และ ปุ๊ก เบญจกิติ พยายามที่จะทำสินค้าออกมาให้ดีที่สุด เพื่อเปลี่ยนมายด์เซตผู้บริโภคว่า “เซวาไม่ใช่แบรนด์ดาราที่จะมาแล้วไป” แต่เซวาจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องแน่นอน 

รวมทั้งจะไม่หยุดแค่ในประเทศไทยแต่จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะให้ “เซวา” กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์สกินแคร์และเครื่องสำอางสัญชาติไทยที่ไม่ว่าชาติใดจะต้องนึกถึง 

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์