แกรมมี่จับมือยักษ์ใหญ่เทนเซ็นต์ สร้างมังกรเอเชียตัวใหม่

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

แกรมมี่จับมือยักษ์ใหญ่เทนเซ็นต์ สร้างมังกรเอเชียตัวใหม่

Date Time: 4 มิ.ย. 2567 05:30 น.

Latest

รอบรั้วการตลาด : Mega Clinic ทำ all-time high เปิดกลยุทธ์ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย

บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ว่า บริษัทได้อนุมัติการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค (GMM Music) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยให้แก่ นักลงทุนเชิงกลยุทธ์ คือ Black Serenade Investment ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Tencent Music Entertainment Group จำนวน 80 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ชำระแล้ว ในมูลค่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กว่า 2,570 ล้านบาท ส่งผลให้ หุ้นของ GMM Music มีมูลค่าเท่ากับ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 25,700 ล้านบาท

กลุ่มผู้ซื้อ Black Serenade จะชำระค่าหุ้นด้วยเงินสดและหุ้นสามัญร้อยละ 30 ของ JOOX Thailand ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Tencent Music Entertainment Group ที่ประกอบธุรกิจ แพลตฟอร์มฟังเพลงออนไลน์ JOOX โดยจีเอ็มเอ็มมิวสิคจะให้ GMM Tomorrow ซึ่งเป็นบริษัทย่อยรับโอนหุ้น JOOX Thailand ร้อยละ 30 ในมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กว่า 918 ล้านบาท

สาระสำคัญก็คือ GMM Music ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GMM GRAMMY ได้จับมือร่วมทุนกับค่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่จีน Tencent Music Entertainment Group ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Tencent Holding บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จีน เจ้าของแอปพลิเคชัน WeChat ที่มีผู้ใช้บริการวันละกว่า 600 ล้านคน ตั้งแต่การส่งข้อความ ซื้อของออนไลน์ ไปจนถึงการชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่างๆ การร่วมทุนกับเทนเซ็นต์ของแกรมมี่ครั้งนี้จึงไม่ธรรมดา คุณฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ การตลาด จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บอกว่าแผนร่วมทุนเชิงกลยุทธ์กับเทนเซ็นต์ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของจีเอ็มเอ็ม มิวสิค ไปสู่การเป็น The Next Asia’s Dragon (มังกรตัวต่อไปของเอเชีย) ในตลาดโลกเลยทีเดียว

จีเอ็มเอ็ม มิวสิก มีแผนที่จะเพิ่มทุนขายหุ้นเพื่อเข้า ตลาดหลักทรัพย์ไทย ในเร็วๆนี้

คุณฟ้าใหม่ บอกว่า จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ต้องการสร้างโอกาสแบบ Upscale Opportunity ในอุตสาหกรรมเพลงยุคใหม่ เพื่อต่อยอดไปสู่ธุรกิจเพลงในตลาดโลก นำศิลปินเพลงค่ายจีเอ็มเอ็มมิวสิกไปสู่ตลาดเอเชียและตลาดนานาชาติ โดยอาศัยธุรกิจบันเทิงของ Tencent Music Entertainment Group ที่มีความร่วมมือกับบริษัทต่างๆทั่วโลก ร่วมกันยกระดับคุณภาพเพลงไทย ทั้งในด้าน การผลิต การสร้างผลงานเพลงการพัฒนาศิลปิน ไปจนถึง การจัดงานคอนเสิร์ต และ มิวสิกเฟสติวัล นอกจากนี้ยังมีข้อตกลงร่วมลงทุนใน JOOX Thailand ต่อยอดเพลงไทยสู่ตลาดโลกผ่าน Streaming Platform ของเทนเซ็นต์ เพื่อผลักดันศักยภาพของธุรกิจเพลงไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

ผมเห็นธุรกิจเพลงของ GMM Music ที่กำลังก้าวสู่ตลาดโลกในหลากหลายช่องทางแล้ว ก็ทำให้นึกถึงภาพของ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ที่ เดินสายเป็นเซลส์แมนข้ามชาติไป ดึงนักร้องดังต่างชาติ ดึงมิวสิกเฟสติวัลดังต่างชาติ เช่น Tomorrowland ที่รัฐบาลไทยต้องช่วยลงทุนมหาศาลทั้งภาษีและสถานที่ แต่รัฐบาลกลับไม่สนใจสนับสนุนธุรกิจเพลงไทยและศิลปินไทยไปสู่ตลาดโลกอย่างจริงจัง เอกชนต้องดิ้นรนไปจับมือกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ระดับโลก เพื่อผลักดันเพลงไทยและศิลปินไทยไปสู่ตลาดโลกแทน ผมคิดว่า นายกฯเศรษฐา และทีม Soft Power ของ คุณแพทองธาร ชินวัตร ควรจะตีลังกากลับหัวคิดใหม่ ก็ดีนะครับ

ธุรกิจเพลงในตลาดโลกกำลังเติบโตสวนภาวะเศรษฐกิจโลก ปี 2566 ธุรกิจเพลงทั่วโลกมีรายได้เติบโตกว่า 10% มูลค่ากว่า 28,600 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1 ล้านล้านบาท คาดว่าปี 2030 รายได้จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันกว่า 2 เท่า วันนี้คนทั่วโลกหันมาดูหนังฟังเพลงผ่าน Streaming ในบ้านและที่พักมากกว่า 60% ถ้าใช้ช่องทางนี้ โอกาสเพลงไทยและศิลปินไทยจะเข้าสู่ตลาดโลกก็ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น รัฐบาลต้องเปลี่ยน Mind Set และวิธีคิดใหม่ทั้งหมด จะได้เลิกผลาญเงินภาษีแบบเดิมๆ แล้วเอาเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ชาติจริงๆ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ