นายทากาโตะ อาเบะ ผู้บริหารและผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายโฆษณาองค์กร กลุ่มบริษัท มิตซูบิชิ อิเล็คทริค กล่าวว่า มิตซูบิชิ อิเล็คทริค บริษัทชั้นนำระดับโลก มีธุรกิจหลัก 10 ธุรกิจ แต่ผู้บริโภคทั่วไปจะรู้จักแต่ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายเพียง 20% ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่บริษัทอายุครบ 100 ปี บริษัทได้เปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารไปถึงผู้บริโภค คือ การเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำให้สังคมมีชีวิตชีวาและยั่งยืน ผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ต่อเนื่อง และความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่หยุดหย่อน โดยกลยุทธ์การสื่อสารของทุกๆ ผลิตภัณฑ์ของบริษัท และจะยึดหลักนี้พร้อมนำไปปรับใช้ในแต่ละประเทศและภูมิภาค
ทั้งนี้ แนวทางการสร้าง Coperate Branding หรือการสร้างแบรนด์ทางสังคม ในแคมเปญใหญ่ของบริษัทคือ กลยุทธ์ สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ด้วยการเป็นผู้สนับสนุนหลักของ “อาเซียน มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2024” ครั้งที่ 15 ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนคัพ หนึ่งในรายการกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค นับเป็นครั้งที่ 2 ที่จัดมา
“สิ่งหนึ่งที่บริษัทได้ทุ่มงบประมาณจำนวนมากในโครงการนี้คือ ให้ความสำคัญกับอาเซียน โดยกลุ่มบริษัทมิตซูบิชิ อิเล็คทริค ได้ยึด 3 หลักในการดำเนินการคือ 1.Enhance Brand Communication หรือ การเสริมสร้างการสื่อสารแบรนด์ การยกระดับแนวทางการสื่อสารของแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้แบรนด์มีความชัดเจน น่าสนใจ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนกับลูกค้า 2.Social Contribution หรือ การมีส่วนร่วมทางสังคม โครงการของบริษัทที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และ 3.Strengthen Customer Relationship การเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนกับลูกค้าในการสร้างความจงรักภักดีและความพึงพอใจในระยะยาว”
สำหรับการเป็นสปอนเซอร์ครั้งแรก เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จากการสำรวจผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ พบว่า จำนวนมากกว่า 80% รับทราบถึงแบรนด์มิตซูบิชิ และมีอัตราเติบโตถึง 30% ผู้บริโภคยังเข้าใจเป้าหมายของมิตซูบิชิกับกิจกรรมอีเวนต์ใหญ่นี้ โดยระหว่างการแข่งขันจะมีการถ่ายทอดสดทั้งภูมิภาค การไลฟ์สตรีมมิงผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ หรือการเดินทางไปชมที่สนามในหลากหลายประเทศ เป็นการสร้างการมองเห็นของแบรนด์ และส่งต่อให้เกิดการพูดถึงของแบรนด์ สุดท้ายคือ การสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค เนื่องจากฟุตบอลเป็นกีฬาที่ผู้คนทั่วทุกมุมโลกรู้จัก เป็นการสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืนและยาวนาน
นายอาเบะ กล่าวว่า กลยุทธ์การสื่อสารดังกล่าวจะมีการทบทวนทุกๆ 2-3 ปี โดยเฉพาะในยุคที่วิธีคิดของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป กลุ่มบริษัทมิตซูบิชิจะต้องเปลี่ยนแปลงด้วย โดยเน้นการสื่อสารไปยังสังคมมากกว่าการสื่อสารในเชิงพาณิชย์เหมือนในอดีต
ทางด้านนายคุนิฮิโกะ เซะกิ ผู้บริหาร และผู้แทนภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กลุ่มบริษัท มิตซูบิชิ อิเล็คทริค กล่าวว่า การนำเสนอแนวทาง CSR ที่หลากหลาย เช่น กิจกรรมฟุตบอลคลินิก การสร้างความร่วมมือที่ดีร่วมกันกับพันธมิตรอื่นๆ นอกเหนือจากพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้า การสร้างพันธมิตรกับสมาคมฟุตบอลอาเซียน รวมถึงการสร้างพันธมิตรที่ดีภายในองค์กร หรือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพนักงานของเราด้วย เพราะเราเชื่อว่า การร่วมมือกันนั้นคือสิ่งสำคัญในการสร้างสังคมที่มีชีวิตชีวาและยั่งยืน ภายใต้สโลแกนที่ว่า “Together, we can build better”
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการจัดและสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับกีฬา วัฒนธรรม และศิลปะ เช่น บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา หนึ่งในกลุ่มบริษัทของมิตซูบิชิอิเล็คทริคในประเทศไทย ได้ร่วมมือกับนักร้องชื่อดัง “คุณนนท์ ธนนท์” เป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อส่งต่อความรู้สึกดีๆให้แก่คนไทยผ่านบทเพลง พร้อมทั้งนำเสนอเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นเพื่อให้ความสะดวกสบายที่มีคุณภาพในไทยให้แก่ผู้บริโภค และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นลูกค้าที่มีศักยภาพในอนาคต.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่