“ใครจะไปรู้ว่าจากความฝันเพี้ยนๆ ของเด็กมัธยมปลายอย่างพวกเราจะเป็นจริงเข้าสักวันหนึ่ง…” นี่คือสิ่งที่ “อู๋ กะ โจ้” สองเพื่อนซี้ วาดฝันอยากจะมี “แปลงผัก”
ซึ่งจุดเริ่มต้นของการผจญภัยนี้เกิดขึ้นในสมัยมัธยมปลาย เราคงจะต้องนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปในครั้งที่ "อู๋ ชลากร เอกชัยพัฒนกุล" และ "โจ้ จิรายุทธ ภูวพูนผล" เด็กชายวัยสมัยมัธยมปลายได้มีโอกาสได้ไปทัศนศึกษาที่ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการทัศนศึกษาในครั้งนั้นทำให้พวกเขาเกิดความสนใจที่อยากจะผสมผสานเกษตรสมัยใหม่กับวิธีการเกษตรแบบดั้งเดิมเข้าด้วยกัน เพราะทุนเดิมพวกเราเติบโตมาจากครอบครัวที่ประกอบอาชีพเกษตรกร จึงได้ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรร่วมกัน
ครั้นหลังจบมหาวิทยาลัยแล้วทั้งสองก็ได้ลงทุนลงแรงปลูกผักทันที โดยมีอุดมการณ์หลักที่เห็นร่วมกันว่าจะ ปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ ใช้วิธีธรรมชาติ ผ่านการออกแบบ และจัดการฟาร์มโดยไม่พึ่งพาสารเคมีใดๆ คำนึงถึงผืนดิน ผลิตผล ระบบนิเวศ ครอบครัว และชุมชน
โดยเริ่มจากปลูกผักสวนครัวทั่วไป และผักสลัดบางชนิด บนพื้นที่ปลูกที่มีไม่มากนัก โรงเรือนขนาด 180 ตารางเมตร ซึ่งผลผลิตที่ได้ก็นำไปประกอบอาหารรับประทานในครอบครัว ด้วยเหตุผลที่ว่า “อยากให้คนในครอบครัวมีสุขภาพดี ทานผักที่ไร้สารพิษและสารเคมีตกค้าง” จึงเป็นที่มาของสโลแกน “ปลูกผักเพราะรักแม่” เพราะแม่เปรียบเสมือนตัวแทนความรักของครอบครัว ส่วนชื่อของแบรนด์ "โอ้กะจู๋" ก็มาจากการผวน “อู๋” กับ “โจ้” นั่นเอง
ต่อมาพวกเขาก็ได้กำลังเสริมจากเพื่อนสมัยมัธยมซึ่งนั่นก็คือ “ต้อง วรเดช สุชัยบุญศิริ” ที่มีความรู้ทางด้านเครื่องจักรต่างๆ และวิธีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ มาร่วมหุ้นเพื่อเป็นกำลังเสริมในการช่วยกันผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ทำให้เกิดเป็น “ผลผลิต” ที่งอกงามและเพิ่มขึ้นตามมา
กระทั่งได้มีการคิดต่อยอดผลผลิต เนื่องจาก “อู๋” มีความชอบในการทำอาหาร เราจึงสร้างคาเฟ่เล็กๆ สำหรับคนรักสุขภาพ โดยเน้นเมนูสลัดออแกนิคจากสวนของเรา เสิร์ฟคู่กับน้ำสลัดโฮมเมดสูตรคุณแม่ รวมถึงเครื่องดื่มจากเมล็ดกาแฟ และชาที่เป็นออแกนิค โดยเริ่มให้บริการในปี 2556 สาขาแรกที่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ชื่อ “โอ้กะจู๋” ร้านอาหารสำหรับคนรักสุขภาพ ภายใต้คอนเซปต์ “From farm to table”
ณ ปัจจุบัน เดือนมีนาคม ปี 2567 โอ้กะจู๋ มีทั้งหมด 34 สาขา โดยอยู่ภายใต้บริษัทจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทต่างๆ เช่น สลัด สเต๊ก ซุป สปาเกตตี อาหารจานเดียว ขนมหวาน นำผักผลไม้ เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น
รวมถึงนำผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์โอ้กะจู๋ เช่น ผัก ผลไม้สด แซนวิช แร็พ ได้มีการนำไปวางขายยังช่องทางต่างๆ รวมถึงการให้บริการจัดเลี้ยง โดยธุรกิจบริการและจำหน่ายของบริษัทฯ สามารถแบ่งรูปแบบและช่องทางการจำหน่ายได้เปน 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ 1.Full-service Restaurant 2.Delivery and Kiosk 3.Cafe Amazon และ 4.Supermarket ด้วยผลผลิตจากสวน 5 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่รวมประมาณ 380 ไร่
หากดูในแง่ของผลประกอบการจะพบว่า
ส่วนทางด้านกำไร
ทั้งนี้ความก้าวหน้าต่อจากนั้นคือการที่ บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ได้มีการการเข้ามาถือหุ้น 20% เพื่อช่วยให้บริษัทฯ สามารถสร้างโอกาสการเติบโตและก้าวไปอีกขั้น
และล่าสุด บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อออกและเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 159 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 26.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยจะนำเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ขยายสาขา เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไป และตอกย้ำการเป็น The King of Organic Salad.
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney