เมื่อยักษ์ค้าปลีกเพิ่มแนวรบ

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

เมื่อยักษ์ค้าปลีกเพิ่มแนวรบ

Date Time: 30 มี.ค. 2567 05:45 น.

Summary

  • ทันทีที่เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ประกาศส่ง “ท็อปส์ เดลี่” (Tops Daily) เปิดโมเดลธุรกิจใหม่ในการรุกตลาดร้านสะดวกซื้อที่มีเจ้าตลาดที่แข็งแกร่ง “เซเว่น อีเลฟเว่น” ที่มีเครือข่ายสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศไทย

Latest

รอบรั้วการตลาด : Mega Clinic ทำ all-time high เปิดกลยุทธ์ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย

ทันทีที่เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ประกาศส่ง “ท็อปส์ เดลี่” (Tops Daily) เปิดโมเดลธุรกิจใหม่ในการรุกตลาดร้านสะดวกซื้อที่มีเจ้าตลาดที่แข็งแกร่ง “เซเว่น อีเลฟเว่น” ที่มีเครือข่ายสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศไทย

มีคำถามกันว่า ตลาดค้าปลีกอย่างร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยยังจะสามารถเติบโตได้อีกขนาดไหน ซึ่งตามหลายๆสถาบันที่วิเคราะห์ธุรกิจนี้มองตรงกัน ยังเติบโตได้อีก อย่างน้อยก็ในระดับเดียวกับอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย

ไม่ใช่เพียงแค่ท็อปส์ เดลี่ เพียงรายเดียวที่ประกาศเขย่าวงการค้าปลีก ยังมีอีกหลายแบรนด์ที่มุ่งมั่นปักหลักสร้างการเติบโตในธุรกิจนี้ เริ่มจากโลตัส โกเฟรช กับจำนวน 1,738 สาขา มินิบิ๊กซี 1,567 สาขา ซีเจ เอ็กซ์เพรส 1,100 สาขา

การเติบโตทางด้านยอดขายจะมีมาจากการขยายสาขาใหม่ๆ ซึ่งในตลาดกรุงเทพฯอาจจะอิ่มตัวแล้วสำหรับสาขาขนาดใหญ่ แต่ยังมีโอกาสขยายได้อีกในบางทำเล ส่วนตลาดต่างจังหวัดยังมีศักยภาพในการขยายสาขาได้อีกมาก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยูกับทำเลและกลยุทธ์การแข่งขันด้วย

หลังจากเซ็นทรัล รีเทลได้ยุติการทำตลาดแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ทในประเทศไทยปีที่ผ่านมา โดยสาขาที่ยังเปิดอยู่ได้ปรับเปลี่ยนเป็นท็อปส์เดลี่ ภายใต้โมเดลมินิซุปเปอร์มาร์เก็ต มีจำนวน 515 สาขา ได้เปิดแผนการขยายการลงทุนโดยโฟกัสไปในรูปแบบแฟรนไชส์ให้ผู้สนใจเป็นเจ้าของธุรกิจได้ง่ายๆ พร้อมมีเป้าหมายสร้างความสำเร็จเติบโตไปพร้อมๆกัน

ภายใต้แฟรนไชส์ 2 รูปแบบ คือรูปแบบแรก ด้วยงบลงทุนเริ่มต้นเพียง 1.07 ล้านบาท การันตีรายได้ 60,000 บาทต่อเดือน คืนทุนไวภายในระยะเวลา 2 ปี และรูปแบบที่สอง สำหรับผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองที่ดิน/ อาคาร ขนาดมากกว่า 200 ตร.ม. เป็นระยะเวลามากกว่า 9 ปี ใช้เงินลงทุน 4-6 ล้านบาท การันตีรายได้ 150,000 บาทต่อเดือน ในเวลา 2 ปีเช่นกัน

นางสาวเมทินี พิศุทธิ์สินธพ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เปิดเผยถึง 4 จุดแข็งที่สร้างความแตกต่างก็คือ 1.การลงทุนต่ำ คืนทุนเร็ว มีการรับประกันรายได้ 2.เปิดรับนักลงทุนทุกรูปแบบ 3.อัตราการเติบโตสูงด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งและความแตกต่างและความหลากหลายของสินค้า และ 4.การร่วมผนึกกำลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอีโคซิสเต็มของเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทลที่จะเติบโตไปพร้อมกัน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนของการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์เพิ่มเป็น 45% ภายในสิ้นปีนี้ จาก 30% ในปัจจุบัน

ทางเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล มองโอกาสทางธุรกิจสำหรับร้านสะดวกซื้อและมินิซุปเปอร์มาร์เกตในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก หากจะดูตัวเลขเปรียบเทียบส่วนประชากรต่อ 1 สาขา คือในประเทศเกาหลีใต้ สัดส่วนอยู่ที่ 953 คน ประเทศญี่ปุ่น 2,220 คน ส่วนประเทศไทย 4,428 คน

หันมามองเจ้าตลาดอย่างเซเว่น อีเลฟเว่น ณ สิ้นปีที่ผ่านมามีสาขา 14,545 สาขาทั่วประเทศ แบ่งเป็นสัดส่วนร้านลงทุนเอง 7,336 สาขา คิดเป็นสัดส่วน 50% เพิ่มขึ้น 497 สาขาจากปีก่อนหน้า ร้าน Store Business Parter (SBP) ที่เปิดให้นักลงทุนลงทุน 6,335 สาขา สัดส่วน 44% เพิ่มขึ้น 191 สาขา และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 874 สาขา คิดเป็นสัดส่วน 6% เพิ่มขึ้น 19 สาขา

เป้าหมายของการเติบโตของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น โดยหลักคือการขยายสาขาใหม่ไปตามการขยายตัวของชุมชน แหล่งท่องเที่ยว และทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุดโดยบริษัทวางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขาในปีนี้

โดยการขยายสาขามุ่งไปสู่สาขาบิ๊กไซส์ เป็นสาขาที่เป็นเอกเทศหรือสแตนด์อโลน สาขาขนาดใหญ่มีที่จอดรถ การลงทุนสูง เพื่อครองความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องสำหรับการบริการสะดวกครบ จบที่เดียว ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ขยายพื้นที่เพื่อจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในรูปแบบประกอบสดเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีพันธมิตรกลุ่มเอสเอ็มอีเข้ามา และรองรับการบริการใหม่ๆ เช่น สถานีชาร์จรถไฟฟ้าและอื่นๆ

นอกเหนือจากนี้ได้ปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคำนึงถึงการรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ โดยนำเสนอสินค้าใหม่ๆพร้อมกับโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มรูปแบบของช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการด้วยความสะดวก

สำหรับยอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันของร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในปีที่ผ่านมา 80,837 บาท มียอดซื้อต่อบิลโดยประมาณ 83 บาท จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 965 คน

หากจะดูการการันตีรายได้และผลตอบแทนของท็อปส์ เดลี่ให้แฟรนไชส์ ซึ่งในช่วง 2 ปีแรกหลังทำสัญญาทั้งสองรูปแบบแล้ว เมื่อเทียบกับขายเฉลี่ยของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ดูเหมือนจะต้องทำยอดขายต่อวันและดึงลูกค้าเข้าร้านกันมากทีเดียว

วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “ตลาดนัดหัวเขียว” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ