นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยในงานแถลงข่าวกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินธุรกิจของแกร็บ ประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 มี.ค.2567 ว่า แกร็บยังคงเป็นผู้นำเบอร์ 1 ในตลาดแอปพลิเคชันเรียกรถและสั่งอาหาร หรือฟู้ดดีลิเวอรีในประเทศไทย รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่สามารถทำกำไรได้เป็นเวลา 2 ปีติดต่อกันแล้ว โดยเริ่มต้นในปี 2565 ต่อเนื่องถึงปี 2566 “เหตุผลในการทำกำไรมาจากการมองธุรกิจระยะยาวมากขึ้น ไม่ใช่การอัดโปรโมชันแข่งขันราคาหนักเหมือนเมื่อก่อน รวมทั้งการสร้างฐานลูกค้าที่เป็นลูกค้าประจำของแกร็บผ่านระบบสมาชิก การเพิ่มช่องทางทำรายได้ใหม่ๆ เช่น ช่องทางโฆษณาหรือแกร็บ AD ตลอดจนการมีระบบนิเวศที่ครบครันของแกร็บ (Power of Ecosystem) ซึ่งช่วยสร้างโอกาสให้ลูกค้าใช้บริการของแกร็บ ทั้งเรียกรถและสั่งอาหาร”
กูเกิล เทมาเสก และ Bain ประเมินว่า ธุรกิจฟู้ดดีลิเวอรีและเรียกรถในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังเติบโตได้ 15% ในระยะเวลา 2 ปีจากนี้ (ปี 2567-2568) เมื่อเทียบกับปี 2566 ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตจากธุรกิจเรียกรถเช่นเดียวกับธุรกิจชำระเงินดิจิทัล (Digital payment) และสินเชื่อดิจิทัล (Digital lending) ที่จะโต 15% และ 31% ตามลำดับ
นายวรฉัตรกล่าวอีกว่า การเติบโตของแกร็บในปีนี้จะเน้นไปที่การโตข้ามกลุ่มลูกค้าระหว่างกลุ่มเรียกรถและสั่งอาหาร มีเป้าหมายดึงมาเป็นลูกค้าแกร็บในทั้ง 2 บริการ โดยมีธุรกิจสินเชื่อ, โฆษณา, ธุรกิจลูกค้าองค์กร มาเป็นตัวเสริมโดยที่ไม่ต้องขึ้นราคา ไม่ต้องขึ้นค่าคอมมิชชัน หรือลดเที่ยววิ่งของบรรดาไรเดอร์ “ปีนี้ยังเป็นปีที่แกร็บจะสร้างระดับราคาที่แตกต่าง เพื่อขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มใหม่ๆ โดยจะมีการทำราคาพิเศษในเวลาที่ไม่ใช่ช่วงพีก ทั้งในธุรกิจส่งอาหารและเรียกรถ สำหรับคนที่อยากใช้บริการในราคาประหยัดและไรเดอร์ที่อยากรับงานในช่วงที่ไม่ค่อยมีลูกค้า”.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่