หลังจากที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 2517 หรือราวๆ กว่า 50 ปี คราวนี้ได้ถึงเวลาของ “เซ็นทรัลชิดลม” ที่จะต้องรีโนเวต ซึ่งในครั้งนี้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ได้ลงทุนครั้งใหญ่สูงถึง 4 พันล้านบาท สู่การเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ ภายใต้คอนเซปต์ “The Store of Bangkok” เดินหน้าสู่การเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ พร้อมเผยโฉมเต็มรูปแบบในไตรมาส 4 ปี 2567 นี้
ณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ในการปรับโฉมครั้งนี้ เซ็นทรัลชิดลม จะเน้นสู่การเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ จากเดิมไม่มีโซนลักชัวรี่ ซึ่งปั้นเป็นแฟลกชิปห้างลักชัวรี่แห่งที่ 6 ของเครือ
จากก่อนหน้านี้มี ห้างรีนาเซนเต (Rinascente) จำนวน 2 แห่ง ประเทศอิตาลี คือ โรม และมิลาน, ห้างดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) ในเนเธอร์แลนด์, ห้างบราวน์โทมัส (Brown Thomas) ในไอร์แลนด์, ห้างเซลฟริดเจส (Selfridges) ในอังกฤษ, ห้างคาเดเว (KaDeWe) ในเยอรมัน, ห้างโกลบุส (Globus) ในสวิตเซอร์แลนด์, ห้างอิลลุม (Illum) ในเดนมาร์ก
ทั้งนี้ เซ็นทรัลชิดลมไม่เพียงมีทำเลเชิงกลยุทธ์ใจกลางเมืองที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นห้างสรรพสินค้าในรูปแบบ “One-Stop-Shopping” แห่งแรกของประเทศไทย ที่อยู่คู่กับลูกค้าและวงการค้าปลีกไทยมากว่า 5 ทศวรรษ
วันนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม จะก้าวขึ้นสู่การเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ ด้วยการออกแบบและรังสรรค์พื้นที่ที่มุ่งมอบประสบการณ์ใหม่ แบรนด์และสินค้า การบริการระดับเวิลด์คลาส ด้วยความที่เราไม่ได้มองห้างเซ็นทรัลชิดลม ในฐานะห้างสรรพสินค้าเท่านั้น แต่ที่นี่คือ The Store of Bangkok เดสติเนชันของการช็อปปิ้งของกรุงเทพฯ ในใจลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ดังนั้นการหันมาเปิดโซนลักชัวรี่ ก็เพราะมองเห็นว่าตลาดลักชัวรี่ เติบโตมาตลอดในระดับดับเบิลดิจิต
ทั้งนี้ “เซ็นทรัลชิดลม” ถือเป็นห้างสรรพสินค้าระดับเรือธงของกลุ่มเซ็นทรัล หรือที่เรียกว่าเพชรยอดมงกุฎ นั่นของเพราะเป็นอันดับ 1 ในสาขาที่มียอดขายสูงสุด รองลงมาคือ เซ็นทรัล เวิลด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว เซ็นทรัล บางนา และเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ดังนั้นถึงจะเป็นเซ็นทรัล แต่ก็ใช่ว่าทุกเซ็นทรัลจะเหมือนกัน โดยเฉพาะเซ็นทรัลชิดลม
โดยขยายพื้นที่ส่วนกลางของห้าง ภายนอกอาคารจะเป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัย ด้านนอกอาคาร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของห้างเซ็นทรัลชิดลมให้มีความทันสมัยมากขึ้น เลือกใช้กระจกสีขาวขุ่น ซึ่งสามารถเรืองแสง และเปลี่ยนสีได้ในเวลากลางคืน จะเป็น Iconic landmark แห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร
ขณะที่โลโก้ (ตราสัญลักษณ์), ฟอนต์ (ตัวอักษร) และภายในห้างจะเน้นสี Rose pink ที่ได้แรงบันดาลใจจากดอกไม้ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์อีเวนต์ของห้าง โดยสีใหม่นี้จะใช้เฉพาะที่ห้างเซ็นทรัลชิดลมสาขาเดียวเท่านั้น
รวมทั้งเพิ่มทางเชื่อมต่อจากรถไฟฟ้า (Sky Bridge) ที่ชั้น 1 ซึ่งเชื่อมเข้าสู่ชั้นลักชัวรี่โดยตรง พร้อมขยายทางเชื่อมรถไฟฟ้าเดิมที่ชั้น 2 เพื่อให้ลูกค้าเดินทางเข้าสู่ห้างเซ็นทรัลชิดลมได้สะดวกสบายมากขึ้น
ณัฐธีรา กล่าวเสริมว่า กลุ่มลูกค้าหลักๆ ยังคงเป็นคนไทย ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มกำลังซื้อระดับกลาง-สูง กลุ่มคนรุ่นใหม่ และชาวต่างชาติ ปัจจุบันมีอัตราส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่ประมาณ 20%
ทั้งนี้ ตั้งเป้าว่าในปี 2568 หลังจากที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม โฉมใหม่ได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว จะมีจำนวนทราฟฟิกของลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 20% และมียอดขายเติบโตขึ้น 30% จากปัจจุบันมียอดทราฟฟิก 9 ล้านคนต่อปี รวมถึงตั้งเป้าลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่เติบโต 30% จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ในส่วนของกำลังซื้อยอดใช้จ่ายลูกค้าธรรมดาอยู่ที่ 15,000 บาทต่อคนต่อเดือน แต่ลูกค้ากลุ่มบนสูงถึง 250,000 บาทต่อคนต่อปี
สำหรับไฮไลต์หลักๆ เซ็นทรัลชิดลม โฉมใหม่ ในชั้น G จะเป็นโซนบิวตี้ ภายใต้คอนเซปต์ World of Beauty: Beauty Galerie (บิวตี้ แกลเลอรี) โฉมใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 6,000 ตร.ม. ปัจจุบันคืบหน้า 60%
ชั้น 1 โซนลักชัวรี่ World of Luxury คืบหน้า 80% อาทิ Balenciaga, Bottega Veneta ชั้น 2 World of Youth เดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ เป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกและแห่งเดียวที่มี Sneaker Boulevard พื้นที่รวมรองเท้าสนีกเกอร์กว่า 800 คู่ ทั้งคอลเลกชันล่าสุด รุ่นพิเศษ ปัจจุบันคืบหน้า 80% ชั้น 3 โซนแฟชั่น ตั้งเป้าเป็นเดสติเนชันแฟชั่น ปัจจุบันคืบหน้า 80%
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการรีโนเวตห้างเซ็นทรัลชิดลมครั้งใหญ่นี้ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลยังมีแผนที่จะทยอยรีโนเวตหลายสาขาทั่วประเทศ ให้สอดรับกับแผนธุรกิจของห้างเซ็นทรัลภายในปีนี้ด้วยเช่นกัน