ทรู คอร์ปอเรชั่น เผยผลประกอบการโตต่อเนื่อง 4 ไตรมาส พร้อมกำไรปีนี้

Business & Marketing

Marketing

ข่าวประชาสัมพันธ์

Author

ข่าวประชาสัมพันธ์

Tag

ทรู คอร์ปอเรชั่น เผยผลประกอบการโตต่อเนื่อง 4 ไตรมาส พร้อมกำไรปีนี้

Date Time: 29 ก.พ. 2567 16:22 น.

หลังการควบรวมกิจการระหว่างดีแทคและทรู คอร์ปอเรชั่น มาสู่การบริหารงานเป็นบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท “ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นมา หลายฝ่ายก็จับตามองการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้ในหลายแง่มุม รวมถึงความสำเร็จด้านผลประกอบการ และการควบรวมครั้งนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง คณะผู้บริหารจากทรู คอร์ปอเรชั่น เผยความสำเร็จว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ผลประกอบการมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง กำไร EBITDA ดีขึ้นตลอด 4 ไตรมาส ขณะที่ยอดผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีเพิ่มขึ้น มูลค่า Synergy เกินเป้า ทั้งนี้ผลมาจากการควบรวมที่ช่วยผสานสองจุดแข็งให้เป็นความโดดเด่น กับความต้องการในการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบริการออนไลน์ที่มากขึ้น จากไลฟ์สไตล์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น รวมจนถึงปัจจัยสนับสนุนทางเศรษฐกิจมหภาค แน่นอนว่าทิศทางเช่นนี้ ทำให้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ประเมินว่า ปี 2567 ก็จะเป็นปีที่ผงาดขึ้นอย่างงดงามอีกแน่นอน

จับตามองตัวเลขการเติบโตต่อเนื่อง

ปี 2566 ที่ผ่านมาสามารถกล่าวได้ว่าการควบรวมส่งผลดีต่อการเติบโตรอบด้าน โดยเฉพาะการเติบโตที่ยืนยันได้จากผลประกอบการที่มีรายได้โตต่อเนื่อง ข้อมูลจาก นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงรายได้ของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ใน 4 ไตรมาส ปี 2566 จากรายได้จากบริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC (ตามการจัดประเภทรายการใหม่) ว่ามีจำนวนถึง 40,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.0% (QoQ) EBITDA อยู่ที่ 22,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.0% (QoQ) อัตรากำไร EBITDA เมื่อเทียบกับรายได้รวมอยู่ที่ 55.4% ในขณะที่ ขาดทุนสุทธิภายหลังการปรับปรุง (Normalized) จำนวน 379 ล้านบาท ปรับดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา 1,219 ล้านบาท

 “ในปี 2566 เป็นปีที่ Synergy หรือการสามารถรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม ได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ รายได้รวมสำหรับไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้น 4.4% QoQ ซึ่งได้รับผลดีมาจากแรงหนุนจากรายได้ของการให้บริการและการขายที่เพิ่มขึ้น รายได้จากการให้บริการไม่รวม IC (ตามการจัดประเภทรายการใหม่) สำหรับไตรมาสที่ 4 ยังเพิ่มขึ้น 2.0% QoQ ซึ่งมาจากรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 2.3% และรายได้ธุรกิจออนไลน์เพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสที่ผ่านมา

โดยกำไร EBITDA ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาสที่ 4/2566 EBITDA เพิ่มขึ้น 5.0% นับเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันที่มีการเติบโต และเพิ่มขึ้น 3 พันล้านบาท นับตั้งแต่การควบรวมกิจการ ทั้งนี้ การปรับเพิ่มของ EBITDA ในไตรมาสที่ 4/2566 จำนวน 1 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ มาจากเติบโตของรายได้ และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดย 50% ของการเติบโตมาจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม ส่วนอัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการไม่รวมรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 55.4% สำหรับใตรมาสที่ 4/2566”

นายนกุล ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่าในปี 2566 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (D&A) ลดลง 11.2% จาก จากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมและการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในไตรมาสที่ 4/2566 เพิ่มขึ้น 3.9% จากไตรมาสที่ผ่านมา จากต้นทุนขายที่สูงขึ้น 24.5% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับรายได้จากการขายที่สูงขึ้น ทั้งนี้มีการควบคุมค่าใช้จ่ายส่วนอื่นของการดำเนินงานเป็นอย่างดีจากการเพิ่มประสิทธิภาพในเชิงโครงสร้างและการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม

การเติบโตที่มีนัยสำคัญ 

ในปี 2566 ที่ผ่านมาปัจจัยสนับสนุนทางเศรษฐกิจมหภาค ทั้งการเติบโตขึ้นของภาคการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไปจนถึงความต้องการในการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบริการออนไลน์ที่มากขึ้น จากไลฟ์สไตล์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น ล้วนส่งผลดีต่อ ทรู คอร์ปอเรชั่น เช่นกัน ข้อมูลที่น่าสนใจหนึ่งเปิดเผยโดย คุณมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คือ ปัจจุบันแบรนด์ดีแทคและทรูยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มนักท่องเที่ยวและกลุ่มแรงงานต่างด้าว โดยมียอดผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 0.5 ล้านเลขหมายจากไตรมาสก่อน คิดเป็น 1% ทำให้มียอดรวมเป็น 51.9 ล้านเลขหมาย ณ สิ้นปี 2566 

สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับข้อมูลที่ นายนกุล กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา จากการเพิ่มขึ้นและการกลับมาอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ถือเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ โดยครอบคลุมประชากร 90% พร้อมด้วยฐานผู้ใช้บริการ 5G ที่มากสุดถึง 10.5 ล้านราย โดยเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสที่ผ่านมา

“การปรับขึ้นของรายได้ธุรกิจออนไลน์ ได้รับแรงหนุนจากการเน้นการเพิ่มคุณภาพของการได้มาซึ่งผู้ใช้บริการ ด้วยการปรับข้อเสนอที่น่าสนใจและการตอบสนองที่ดีอย่างต่อเนื่องต่อการขายพ่วงของผลิตภัณฑ์และบริการที่เกิดภายหลังการควบรวมกิจการ ส่วนธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก (Pay TV) มีรายได้จากการให้บริการแบบบอกรับสมาชิก คงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 28.7% (QoQ) จากการเปิดตัว iPhone รุ่นล่าสุดในไตรมาสที่ 3/2566”

ทิศทางการเติบโตเช่นนี้ ทำให้ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น คาดการณ์ปี 2567 ว่ารายได้จากการให้บริการไม่รวมรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) จะมีการเติบโต 3-4% EBITDA จะมีการเติบโต 9-11% และค่าใช้จ่ายลงทุนรวมงบลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์จากการควบรวม หรือ CAPEX ประมาณการณ์ไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น คาดว่าจะสามารถทำกำไรภายหลังการปรับปรุง (Normalized) ได้ในปี 2567

และแน่นอนทรู คอร์ปอเรชั่น ก็พร้อมที่จะขับเคลื่อนและยกระดับการให้บริการลูกค้าแบบ 360 องศา เพื่อต่อยอดขยายการเติบโตให้รองรับไลฟสไตล์ดิจิทัลที่เปลี่ยนไปของผู้คนในทุกมิติ ทั้งการเพิ่มความเร็วและเครือข่ายสัญญาของเทคโนโลยี 5G ให้ครอบคลุม รวมถึงนำ AI เข้ามาช่วยพัฒนาบริการของศูนย์บริการ และรวมแอปพลิเคชันให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟสไตล์ของผู้บริโภค

ซึ่งก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า ไลฟไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลสนับสนุนการเติบโตได้อย่างดี และเมื่อหนุนด้วยปัจจัยสนับสนุนทางเศรษฐกิจมหภาค การท่องเที่ยว ตลอดจนการลงทุนที่คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้น ตัวเลขการเติบโตก็จะทะยานขึ้นอีกเช่นกัน


Author

ข่าวประชาสัมพันธ์

ข่าวประชาสัมพันธ์