ผ่าแผนปี 67 “บิสโตร เอเชีย” ทุ่ม 100 ล้าน เร่งขยายสาขา เปิดแบรนด์ใหม่ รับเทรนด์ร้านอาหารโตแรง

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ผ่าแผนปี 67 “บิสโตร เอเชีย” ทุ่ม 100 ล้าน เร่งขยายสาขา เปิดแบรนด์ใหม่ รับเทรนด์ร้านอาหารโตแรง

Date Time: 23 ก.พ. 2567 18:28 น.

Video

ดร.พิพัฒน์ KKP กระเทาะโจทย์เศรษฐกิจไทย บุญเก่าเจอความเสี่ยง บุญใหม่มาไม่ทัน

Summary

  • “บิสโตร เอเชีย” ประกาศเดินหน้าทุ่ม 100 ล้าน เร่งขยายสาขา เปิดแบรนด์ใหม่ หลังพบนักท่องเที่ยวจีนกลับเข้าประเทศไทยจำนวนมาก พร้อมดึงเทรนด์อาหารยุคใหม่มาใส่ในธุรกิจ หวังโกยรายได้โต 6% จากปีก่อนหน้า

Latest


“บิสโตร เอเชีย” นับเป็นอีกหนึ่งบริษัทในเครือไทยเบฟ ผู้ให้บริการธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคารหลากหลายประเภท ทั้งอาหารไทย จีน ฝรั่ง ปัจจุบันบริหารแบรนด์ร้านอาหารด้วยกันถึง 6 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น บ้านสุริยาศัย (BAAN SURIYASAI) ไฮด์ แอนด์ ซีค (HYDE & SEEK) หม่าน ฟู่ หยวน (MAN FU YUAN) โซ อาเซียน (SO Asean Café & Restaurant) ศูนย์อาหารฟู้ด สตรีท (Food Street) และ แวนเทจ พอยท์ (Vantage Point)

ด้วยความสำเร็จเหล่านี้อยู่ในภายใต้การนำทัพของ “ไพศาล อ่าวสถาพร” ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท บิสโตร เอเชีย จำกัด บริษัทในเครือไทยเบฟ ที่ในปี 2567 นี้บริษัทฯ มีแผนที่จะเดินหน้าขยาย 6 แบรนด์ธุรกิจอาหารให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น

ปี 67 ปีทองของการขยายสาขา

ไพศาล กล่าวว่า ปี 2567 ถือเป็นปีทองของการขยายสาขา โดยได้มีการทุ่มงบ 100 ล้านบาท เดินหน้าเปิดจำนวนสาขาใหม่ อย่างน้อย 7 สาขา ได้แก่ โซ อาเซียน 2 สาขา, ไฮด์ แอนด์ ซีค, หม่าน ฟู่ หยวน, แวนเทจ พอยท์, บ้านสุริยาศัย และฟู้ดสตรีท อย่างละ 1 สาขา รวมทั้งจะมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีก 2 แบรนด์ด้วยเช่นกัน จากปัจจุบันมีทั้งหมด 19 สาขารวมทุกแบรนด์ ขณะที่ปี 2566 ที่ผ่านมามีการเปิดไป 3-4 สาขา พร้อมทั้งคาดว่าสิ้นปี 2567 จะมีผลประกอบการเติบโต 6% จากปีก่อนหน้า

“การเปิดสาขาเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการที่เราจะไปอยู่ในโครงการมิกซ์ยูส One Bangkok ที่จะมีการนำแบรนด์ร้านอาหารเข้าไปอยู่ในนี้ พร้อมกับเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆ ด้วย ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะเห็นกำไรของ ไฮด์ แอนด์ ซีค และ แวนเทจ พอยท์ ที่จะทำให้ภาพรวมของทั้งพอร์ตมีกำไรได้” 

ขณะเดียวกันกลยุทธ์ในปี 2567 จะเน้นในเรื่องของ People ที่จะทำให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น ส่วนด้าน Business จะโฟกัสตามพฤติกรรมผู้บริโภค และ Technology ที่จะนำ AI มาใช้ในธุรกิจ โดยทั้งหมดทั้งมวลจะออกมาในรูปแบบของ 

  1. การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เมนูอาหารใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า อาทิ ชุดอาหารกินข้าวกั๋นก่อเจ้า
  2. Multi business model คือการนำหลายๆ โมเดลไปใส่ในร้านเดียวกัน อาทิ รูปแบบบุฟเฟต์, อะลาคาร์ต หรือโปร 7.7 เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ตอบโจทย์ Customer need มีทุกอย่างใน 1 ร้าน
  3. Digital Creator เช่น การใช้ติ๊กต่อกเกอร์ บล็อกเกอร์ ร่วมสื่อสารแบรนด์และทำการตลาด ผ่านการให้ Incentive ถ้าลูกค้ามาจากเพจนั้นๆ โดยที่ผ่านมาสัดส่วนรายได้มาจากติ๊กต่อกเกอร์เกือบ 50% ของแวนเทจ พอยท์
  4. Product line Extension ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์เทศกาลต่างๆ ทั้งปิ่นโตไหว้พระ ตะกร้าส้ม ต้นไม้ ชุดข้าวแช่สุริยาศัย ขายง่ายขายเร็ว ขายตามเทศกาล เนื่องจากมีดีมานด์ ยอดขายไม่เยอะแต่เดือนนึงทำรายได้ 2-3 แสนบาท 

ทั้งนี้ที่ผ่านมางบการตลาดส่วนใหญ่เน้นใช้ไปกับอินฟลูเอนเซอร์เป็นหลัก ซึ่งทำให้ร้านอาหารในพอร์ตของ “บิสโตร เอเชีย” กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ เห็นได้จากการที่คนดัง หรือบล็อกเกอร์เมื่อมาเยือนประเทศไทยเป็นต้องตามรอยไปทานอาหารที่ “บ้านสุริยาศัย” กันแทบทุกราย

และสุดท้ายแผนงานในปี 2567 ที่บิสโตร เอเชีย โฟกัสคือ การ Collaboration Marketing กับแคมเปญ “The Journey of 100” The 100 BOON-NAK ที่บ้านสุริยาศัยจะมีอายุครบ 100 ปี โดยร่วมกับศรัณญ อยู่คงดี ผู้ก่อตั้งแบรนด์ SARRAN by Sarran Youkongdee ที่จะมีการนำเสนอเมนูอาหารพิเศษที่รังสรรค์อาหารในรูปลักษณ์ของจิลเวลรีกินได้ ด้วยไอเดียดอกบุนนาค พร้อมคอลเลกชันของเครื่องประดับสุดพิเศษ ที่จะช่วยสร้างตำนานให้กับวาระครบ 100 ปีของบ้านสุริยาศัย

นอกจากนี้ ไพศาล ฉายภาพว่า ธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยในปี 2567 ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยเทรนด์ธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ ได้แก่

  1. อาหารสายมู เช่น กินอาหารแก้กรรม แต่ต้องมีการทำการตลาดแบบเนียนๆ
  2. ความสวย ความงาม หรืออาหารเพื่อสุขภาพจะเป็นกระแสมาแรงอย่างมาก
  3. การใช้ AI ในการคำนวณ คิดหาสูตร แคมเปญใหม่ๆ หาวัตถุดิบใหม่ๆ
  4. นักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ในปีนี้จะมีจำนวนกลับเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีการใช้จ่ายที่ดีขึ้น

Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ