สร้างเรื่องอีกครั้งกับวงการ “หนังผีไทย” หลังกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผย ผลสำรวจตลาดภาพยนตร์ไทยในไต้หวัน โดยพบว่าตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา มีหนังไทยเข้าไปฉายรวม 10 เรื่อง แต่สามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้น 28.46 ล้านบาท ซึ่งมาจากการได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมวดหนังผี
“ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์” อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ตลาดไต้หวันเป็นโอกาสในการขยายตลาดภาพยนตร์ของไทย ทั้งการเข้าไปร่วมลงทุน และช่องทางในการนำภาพยนตร์ไทยไปเปิดตัว
ตามข้อมูล ทูตพาณิชย์ได้รายงานตลาดภาพยนตร์ไทยในไต้หวันตั้งแต่ ม.ค.-26 พ.ย. 2566 พบว่ามีเข้าฉายรวม 10 เรื่อง ทำรายได้รวม 28.46 ล้านบาท ถือว่าฟื้นตัวกลับมาใกล้กับภาวะปกติก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากที่สุด มีดังนี้
“จากสถิติข้างต้นจะเห็นได้ว่า หนังผีเป็นแนวภาพยนตร์จากไทย ซึ่งเป็นที่ถูกใจตลาดไต้หวันเป็นอย่างมาก โดยชาวไต้หวันส่วนใหญ่เชื่อว่าไสยศาสตร์และปรากฏการณ์สยองขวัญในแบบของหนังผีไทยมีความแตกต่างและน่ากลัวในตัวของมันเอง ทำให้เพิ่มความลี้ลับแก่หนังผีไทยมากขึ้น ส่งผลให้ภาพยนตร์ประเภทนี้ของไทยค่อนข้างเป็นที่โปรดปรานของกลุ่มผู้ชมที่ต้องการความตื่นเต้นและหวาดกลัว”
โดยหนังไทยที่ฉายในไต้หวันปี 2566 จำนวน 10 เรื่อง เป็นหนังผีถึง 5 เรื่อง และภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้มากที่สุดจากการเข้าฉายในไต้หวัน 3 อันดับแรกในปี 2566 ต่างก็เป็นหนังผีทั้งสิ้น
ทั้งนี้ นอกจากหนังผีแล้ว ในตลาดไต้หวันก็มีภาพยนตร์ในแนวอื่นของไทยมาเข้าฉายอย่างต่อเนื่อง แม้รายได้จากการเข้าฉายจะไม่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก (2553) คิดถึงวิทยา (2557) ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้ (2557) แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว (2560) น้อง.พี่.ที่รัก (2561) ไบค์แมน (2562) Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน (2562) อ้าย..คนหล่อลวง (2563) ไสหัวไป นายส่วนเกิน (2564) ใจฟู สตอรี่ (2565) เป็นต้น
อีกทั้งยังมีซีรีส์ Y ของไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดไต้หวันมากขึ้น เช่น Present Perfect แค่นี้ก็ดีแล้ว (2560) ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค (2563) ดิว ไปด้วยกันนะ (2563) 2gether : The Movie (2565) และดับแสงรวี (2566) เป็นต้น