แม้ไม่ใช่การชิมลางใหม่ครั้งแรก สำหรับ การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ของ “ธัญญ่า - ธัญทิพ เจียรวนนท์” ลูกสาวสุดที่รักของ “ศุภกิต กับ มาริษา เจียรวนนท์” และยังขึ้นแท่น เป็นหลานสาวคนโปรด ของ “เจ้าสัวซีพี” หรือ “ธนินทร์ เจียรวนนท์” มหาเศรษฐีชื่อดังเมืองไทย อีกด้วย
แต่คาดกันว่า การกลับมาในวงการอสังหาฯ ในรอบหลายปี ของ “ธัญญ่า” ด้วยชื่อแบรนด์ใหม่ “อีเดน เอสเตท” กับ รูปแบบการพัฒนาโครงการ ที่ชูจุดเด่นในการเป็น Ultra-Luxury, Low-Density รายแรกของไทย ผ่านโครงการสุดอัลตราลักชัวรี “อีเดน เอกมัย” ครั้งนี้ กลับมีอะไรน่าให้จับตามอง?
ย้อนไป กับการปรากฏตัว ของ ดาวรุ่งดวงใหม่วงการเรียลเอสเตทไทย “ธัญทิพ เจียรวนนท์” เป็นที่รู้จักในฐานะ ประธานบริหาร และผู้ก่อตั้งบริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ จำกัด เจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมหรู THE STRAND THONGLOR ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) มูลค่า 4,800 ล้านบาท
ซึ่งมาจากความหลงใหลและชื่นชอบงานศิลปะ - การออกแบบ จนทำให้โครงการดังกล่าว ประสบความสำเร็จ และ เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง ในหมู่ผู้ซื้อคนไทย และ คนต่างชาติ ทั้งในแง่ทำเล, ราคาซื้อ-ขาย, รูปโฉม อันเป็นเอกลักษณ์ของโครงการ และ ไลฟ์สไลต์มิกซ์ยูส ที่เอาคนใน ทำเลทอง “ทองหล่อ” อยู่หมัด แต่ด้วยชื่อ 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ ยังไม่เป็นที่รู้จัก - คุ้นหู มากนัก ความเปลี่ยนแปลง พลิกโฉมครั้งใหม่ จึงเกิดขึ้น
ธัญทิพ เล่าว่า เมื่อครั้งพัฒนาโครงการ THE STRAND THONGLOR เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมาก แม้อยู่ภายใต้ความท้าทายหลายอย่าง เนื่องจาก โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จไม่นาน ก็เกิดการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 แต่กลายเป็นประสบการณ์ ที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้หลายแง่ตามมา โดยเฉพาะ ในแง่การตลาด อีกทั้ง ช่วยให้เข้าใจกลไกตลาดอสังหาฯ ไทยมากขึ้น ซึ่งหัวใจสำคัญของธุรกิจนี้ หากแต่เป็น ปริมาณซัพพลาย และ ดีมานด์ ที่ต้องเหมาะสม สมดุลกัน
นี่จึงเป็นที่มาของบริบทในการพัฒนาอสังหาฯ แนวใหม่ และ ชื่อใหม่ที่ชวนจดจำมากกว่าเดิม จาก 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ สู่ “อีเดน เอสเตท คอร์ปอเรชั่น จำกัด” โดยหลานสาวคนเก่งของเจ้าสัวธนินทร์ เล่าว่า ทั้งหมดอยู่ภายใต้ การสนับสนุน ของ “อากงธนินทร์” ที่แม้ท่านมีวิสัยทัศน์ที่การทำธุรกิจก้าวไกล แต่มองเห็นถึง คุณค่า และ ความตั้งใจของตนเอง
ซึ่ง “อีเดน เอสเตท” ถูกปั้นขึ้นมา เพื่อเป็นบริษัทที่จะจุดประกายสิ่งใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เรามุ่งมั่นการอนุรักษ์เส้นขอบฟ้าอันสวยงามของกรุงเทพฯ โดยการสร้างตึกระฟ้าให้น้อยลงและพัฒนาอาคารที่มีความหมายยิ่งขึ้น
เน้นการส่งมอบพื้นที่ที่รองรับการเติบโต เพราะเราเชื่อว่าบ้านควรเป็นการลงทุนที่มีการสืบทอดต่อกันไปจากรุ่นสู่รุ่น และนี่คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญและคำนึงถึงอย่างลึกซึ้งในกระบวนการออกแบบและพัฒนาโครงการต่างๆ
ทั้งนี้ อีเดน เอสเตท จะเป็นชื่อบริษัท ที่ใช้บุกเบิก ในการเปิดตัว “อีเดน เอกมัย” (EDEN EKKAMAI) เป็นโครงการแรก โดยเชื่อว่า โครงการนี้ จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ระดับอัลตราลักชัวรีของประเทศไทย
เนื่องจาก เป็นโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบโลว์ไรส์ (Low-Rise) กับจุดเด่นในการเป็น Ultra-Luxury, Low-Density รายแรกของไทย บนทำเลใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งโครงการ อีเดน เอกมัย ประกอบด้วยห้องชุดสุดไพรเวทเพียง 17 ยูนิต เป็นคอนโดฯ หรู เสมือนบ้าน พร้อมที่จอดรถมาตรฐานถึง 300% (3 คันต่อยูนิต) ซึ่ง ตั้งอยู่บนถนนเอกมัยซอย 12 โดยการเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นการเปิดน่านน้ำใหม่ บุกเบิกตลาดอสังหาฯ ไทย
ทั้งนี้ โครงการ อีเดน เอกมัย (EDEN EKKAMAI) ประกอบด้วยจำนวนเพียง 17 ยูนิต ตั้งอยู่ในอาคารสูง 7 ชั้น แบ่งเป็นห้องชุดเพื่อการอยู่อาศัย ได้แก่ ห้องดูเพล็กซ์ (Duplex) ขนาดเริ่มต้นที่ 350 ตารางเมตร และห้องซิมเพล็กซ์ (Simplex) ขนาดเริ่มต้นที่ 220 ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 70 ล้านบาท หรือ 3.5 แสนบาทต่อตารางเมตร
ซึ่ง ธัญทิพ ชี้ว่า แม้จะเป็น “ยูนิต” ในตึก แต่ให้ความรู้สึกเหมือน “บ้าน” เนื่องจากขนาดพื้นที่ที่กว้างขวาง โปร่งโล่งสบาย และให้ความเป็นส่วนตัวในระดับสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอํานวยความสะดวกที่เหนือชั้นซึ่งสะท้อนถึงสิทธิประโยชน์จากการพักอาศัยในโครงการที่มีจำนวนยูนิตน้อย เช่น ลิฟต์ส่วนตัว เลานจ์ส่วนกลางสุดหรู ไพรเวตฟิตเนส 2 ห้อง สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ ห้องซาวน่าเกลือหิมาลัยส่วนตัว และเคาน์เตอร์ต้อนรับของโครงการพร้อมผู้ช่วยส่วนตัวที่จะคอยดูแลและอํานวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านแบบเอ็กซ์คลูซีฟตลอด 24 ชั่วโมง
“คำว่าอัลตราลักชัวรี ไม่ใช่แค่แพง หรือ หรูหราอย่างเดียว แต่หมายถึง มูลค่าที่จะส่งต่อเป็นมรดกให้แก่รุ่นลูก-หลาน ในระยะยาวได้ ซึ่ง DNA ของ อีเดน เอสเตท อย่าง Low-Density จะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มนี้ได้อย่างดี ”
อีกทั้ง อีเดน เอกมัย ยังได้รับการออกแบบและพัฒนาโครงสร้างโดย SCDA Architects บริษัทออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่การันตีด้วยรางวัลระดับนานาชาติ ในส่วนของการออกแบบภายในดำเนินการโดย PIA Interior ทั้งยังได้ PLandscape (PLA) มารับผิดชอบการออกแบบภูมิทัศน์ ทำให้โครงการดังกล่าวมีความโดดเด่นด้วยสุนทรียศาสตร์แบบร่วมสมัยแต่ยังสวยงามอย่างเหนือกาลเวลา
นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นถึงความเป็นมิตรกับครอบครัวและสัตว์เลี้ยงอย่างเด่นชัด ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่ให้ความยืดหยุ่น เน้นฟังก์ชันการใช้งานอันหลากหลายและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ สร้างความมั่นใจได้ว่าบ้านทุกหลังจะรองรับการเติบโตของแต่ละครอบครัวได้ในอีกหลายทศวรรษ ที่จะผ่านไป โดยผังของแต่ละชั้นถูกออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปของแต่ละครอบครัว โครงการ อีเดน เอกมัย จึงเป็นที่พักอาศัยสําหรับการเป็นเจ้าของที่สามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
“ อีเดน เอกมัย เป็น Low-Density หรือโครงการที่อยู่อาศัยแบบหนาแน่นน้อย เน้นความเป็นส่วนตัว การใส่ใจต่อรายละเอียด การให้ความสนใจต่อผู้อยู่อาศัย และการจัดการอาคารแบบส่วนบุคคล และ ด้วยจำนวนยูนิตห้องชุดที่น้อยลงช่วยให้ อีเดน เอสเตท (EDEN ESTATE) มีอัตราส่วนของพนักงานต่อ ผู้อยู่อาศัยที่ไม่มีโครงการใดเทียบได้ ส่งผลให้สามารถรองรับความต้องการของเพียงไม่กี่ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในโครงการของอีเดนให้ได้รับประสบการณ์การใช้ชีวิตในแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟอย่างแท้จริง”
ทั้งนี้ ธัญทิพ ระบุทิ้งท้ายว่า แผนธุรกิจอสังหาฯ ของ อีเดน เอสเตท นั้น จะขึ้นอยู่กับ การได้มาของทำเลที่ดิน ที่เหมาะสมกับการพัฒนาโครงการระดับ มาสเตอร์พีซ เฉกเช่น “อีเดน เอกมัย” ซึ่งเป็นแปลงที่ดินเก่าแก่ หายาก ขนาด 1 ไร่ ที่อยู่ในย่านทำเลทอง และเป็นที่ต้องการของลูกค้าระดับบน เนื่องจาก บริษัท ไม่มีความจำเป็น ต้องลุยพัฒนาโครงการนับพันยูนิต ในแต่ละปี เหมือนดีเวลลอปเปอร์อื่นๆ เพื่อต้องการคงคอนเซปต์ “ห้องใหญ่ ปริมาณน้อย คุณภาพยิ่งมีมาก” แลกมาด้วยการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney