บรรยากาศการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เริ่มคึกคักมาอย่างต่อเนื่อง สีสันการตบแต่งรวมถึงไฟคริสต์มาส-ปีใหม่แต่งเติมให้เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองส่งความสุขแบบสุดพิเศษ
ร้านอาหารเป็นหนึ่งในธุรกิจที่จัดกิจกรรมรองรับกับการเฉลิมฉลองในเทศกาลพิเศษต่างๆตลอดทั้งปี หลังจากฟื้นไข้จากผลกระทบของโรคระบาดโควิด-19 ในปีนี้ได้เห็นการเติบโต 4-5% สู่มูลค่าตลาดมากกว่า 4 แสนล้านบาท ขณะที่ธุรกิจกลับเข้าสู่ปกติ ผู้คนกลับมาเจอพรรคพวกเพื่อนฝูง สมาชิกในครอบครัวออกมารับประทานอาหารนอกบ้านกันมากขึ้น เทรนด์ใหม่ของผู้บริโภคออกมารับประทานคนเดียวพร้อมกับสมาร์ทโฟนเพื่อแชร์ไปยังโซเชียลมากขึ้น
เมื่อมองลึกไปยังตลาดร้านอาหารบริการด่วน (Quick Service Restarant : QSR) มูลค่ากว่า 45,000 ล้านบาท มีอัตราเติบโตสูงกว่าร้านอาหารทั่วไป โดย QSR ในเมืองไทยจะแบ่งเป็นร้านพิซซ่า, เบอร์เกอร์และไก่ทอด
โดยผู้บริโภคชาวไทยนิยมรับประทานไก่ทอดเป็นอันดับหนึ่ง ไก่ทอดจึงมีส่วนแบ่งถึงครึ่งหนึ่งในตลาด
ที่พิสูจน์ได้ชัดเจนก็คือเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือ ซี.พี. ยังได้เปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากเดิมไก่ย่าง 5 ดาว มาสู่ไก่ทอด 5 ดาว ซึ่งผู้บริโภคคนไทยได้ให้การตอบรับอย่างดี
สำหรับไก่ทอด “เคเอฟซี” เป็นผู้นำตลาดอย่างโดดเด่น มีส่วนแบ่งตลาดไก่ทอดในร้าน QSR มากกว่า 90% และในปีนี้เติบโตสูงถึง 12-13% เหตุผลสำคัญก็คือ มีสาขามากที่สุดคือมากกว่า 1,000 สาขา จากแฟรนไชส์ 3 บริษัทคือ เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือซีอาร์จี, บริษัทเดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย และบริษัทเรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรืออาร์ดี ที่ได้รับการบริหารตลาดจากบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
ขณะเดียวกันการควบคุมคุณภาพและรสชาติไก่ทอด การสร้าง Brand Love ทางโซเชียลมีเดีย การออกแคมเปญที่ให้ผู้บริโภครู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง การออกแคมเปญโปรโมชันให้ตรงใจลูกค้า เข้าถึงได้ทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย เมนูเข้าถึงง่ายและราคาถูก เช่น เมนูข้าวเริ่มต้นที่ 59 บาท ไปจนถึงการปรับตัวคิดค้นการบริการรูปแบบใหม่ๆตลอดเวลา ทำให้เคเอฟซีรักษาการเป็นผู้นำตลาด
นายปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส QSR & Western Cuisine ผู้บริหารแบรนด์ เคเอฟซี ภายใต้การบริหารโดยซีอาร์จี กล่าวว่า ในส่วนของซีอาร์จี สิ้นปีจะขยายสาขาเคเอฟซีได้ทั้งสิ้น 335 สาขา ปิดยอดขายที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท นับเป็นสัดส่วนรายได้ครึ่งหนึ่งของธุรกิจร้านอาหารของซีอาร์จี
ทิศทางของซีอาร์จีสำหรับการบริหารแบรนด์เคเอฟซีในปีนี้จะยังคงเป้า หมายการเติบโตในระดับสองหลัก ซึ่งในส่วนของเมนูอาหารจะตอบสนองความต้องการในแง่มุมของความง่าย และความสะดวกในการกิน โดยมีราคาของสินค้าที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และช่องทางการขายที่จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงการตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งเรื่องไก่ทอด
สำหรับการขยายสาขาจะเปิดในรูปแบบโมเดลใหม่ๆ เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น การขยายไปสู่ตลาดระดับอำเภอ เช่น อำเภอลาดหญ้า จังหวัดกาญจนบุรี, อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ในรูปแบบร้านในสถานีบริการน้ำมัน การขยายสาขาร่วมกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล โรบินสันไลฟ์สไตล์ และร้านไทวัสดุ ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง การเปิดร้านในอาคารพาณิชย์ เป็นต้น
นอกจากนี้ เดินหน้าปรับโฉมร้านใหม่ ทั้งรูปแบบ ดีไซน์ และคอนเซปต์ให้ทันสมัยโดนใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ เริ่มจากการปรับปรุงโฉมร้าน KFC Flagship Store ที่เซ็นทรัลเวิลด์ มาในคอนเซปต์ “KFC Digital Lifestyle Hub” บริการ Bucket Kiosk จุดสั่งอาหารผ่านเครื่องสั่งอาหารและชำระเงินอัตโนมัติรองรับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ เพื่อให้สนุกกับการเลือกและสั่งอาหารด้วยตนเองได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถสัมผัสประสบการณ์การรับประทานที่สนุกขึ้นกว่าเดิม โดยปีหน้าจะได้เห็นการปรับปรุงคอนเซปต์นี้ถึง 50 สาขา
ขณะที่ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ได้จัดแคมเปญ KFC “รวมมิตรบักเก็ต” เซตเมนูสำหรับปาร์ตี้แบบสุดคุ้ม พร้อมไอเดียปาร์ตี้สุดเก๋ ชวนทุกคนเปิดประสบการณ์ใหม่ ครั้งแรกของ KFC ขอยกโต๊ะออก ชวนทุกคนเปิดวงตี้นั่งเสื่อล้อมวงกินไก่ เฉลิมฉลองปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หลังจากได้สร้างกระแสออกเมนูหนังไก่แซ่บมาทดลองขายจากพลังเรียกร้องจากทางโซเชียล ขายหมดภายใน 7 วัน
กลยุทธ์ต่างๆถูกพัฒนาและปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อรักษาการเป็นผู้นำตลาดและมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันในตลาด QSR อย่างดุเดือด.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th