ไมเนอร์ โฮเทลส์ ปรับโฉม “คลินิก ลา แพรรี” จับเทรนด์ ศาสตร์ชะลอวัย ดึงกำลังซื้อลูกค้ากระเป๋าหนัก

แซนดี้ โจแฮนเนสสัน (Sandie Johannessen) ผู้อำนวยการกลุ่มงานสปาและเวลเนส เอ็มสปา อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเฮลท์ แอนด์ เวลเนสในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง 6% ต่อปี เนื่องจากคนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่ส่งเสริมการขับเคลื่อน Wellness Center ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น พร้อมกับผลักดันประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านบริการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

กลุ่มไมเนอร์ โฮเทลส์ บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรม ทั้งในฐานะเจ้าของ ผู้บริหาร และผู้ลงทุน ปัจจุบันมีโรงแรมมากกว่า 540 แห่ง ใน 56 ประเทศทั่วโลก จึงเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการฟื้นตัวของตลาดด้านสุขภาพ หรือเวลเนส (wellness) เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมาก ซึ่ง กลุ่มไมเนอร์ โฮเทลส์ เองก็ตั้งเป้าที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านสุขภาพ จึงได้จับมือกับพันธมิตรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเวลเนสระดับโลก 

หนึ่งในนั้นคือ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระดับตำนานอย่างคลินิก ลา แพรรี ที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเป็นการลงทุน 100% จากเอ็ม สปา อินเตอร์เนชั่นแนล ในรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งได้นำมาขยายสาขาในประเทศไทยเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการรีแบรนด์ศูนย์สุขภาพจากเดิมภายใต้ชื่อ คลินิก ลา แพรรี เอสเธติกส์ แอนด์ เมดิคอล สปา ที่เปิดตัวเมื่อปี 2563 มาเป็น ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรี เพื่อสานต่อความตั้งใจของ คลินิก ลา แพรรี (Clinique La Prairie) ที่ใช้เวลากว่า 91 ปี ในการวิจัยมุ่งเน้นศาสตร์การชะลอวัยมาอย่างต่อเนื่อง  

ทั้งนี้จากแนวโน้มเทรนด์เฮลท์แอนด์เวลเนสในประเทศไทย ที่แต่เดิมส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันกลุ่มคนที่อายุน้อย หรือ คนรุ่นใหม่ เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ดังนั้นเทรนด์นี้จึงขยายวงกว้างมากขึ้น และไม่ได้มีแค่วัยเกษียณอีกต่อไป 

ดึงกลุ่มกำลังซื้อสูง

ส่วนเรื่องของเศรษฐกิจที่ถดถอยจะมีส่วนต่อภาพรวมธุรกิจหรือไม่นั้น แซนดี้ มองว่า จากการที่มีลูกค้าทั้งคนไทยและลูกค้าต่างชาติในสัดส่วน 50:50% ดังนั้นกำลังซื้อมีในประเทศจึงไม่ค่อยมีปัญหามากนัด แต่ก็จะมีในฝั่งของการท่องเที่ยวที่แม้ว่าจะมีผลกระทบ แต่ก็เป็นเพียงแค่การชะลอตัวในระยะสั้น แต่ในระยะยาวมองว่ายังไปต่อได้ เนื่องจากทางฝั่งของรัฐบาลมีมาตรการออกมากระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อมองว่ายังคงมีอยู่ 

ด้าน เปรมจิต โพธิวราพรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มงานสปาและเวลเนสประจำภูมิภาค ประเทศไทย ศรีลังกา และมัลดีฟส์ บริษัท เอ็ม สปา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป จำกัด ในเครือบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า แนวโน้มของธุรกิจสปาและเวลเนส (Spa and Wellness) ในช่วงไตรมาส 4 ถือเป็นช่วงเวลาที่ดี (Golden Time) ที่สุดของปี เนื่องจากจะเข้าช่วงไฮซีซั่น ดังนั้นเชื่อว่าภาพรวมของผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2566 จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนและหนุนให้ภาพรวมของบริษัท ไมเนอร์ โฮเทล เติบโตได้ดีที่สุดของปีด้วย จึงต้องมีการวางแคมเปญ หรือเปิดตัวธุรกิจเพื่อให้สามารถรองรับกับการเติบโตตรงนี้ได้ 

ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายของ ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรี จะเป็นช่วงอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งจะทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ ทั้งที่พักอยู่ในโรงแรม และเป็นลูกค้าทั่วไปที่ไม่ได้พักในโรงแรม ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าของธุรกิจสปา กลุ่มไมเนอร์ โฮเทลส์ เมนหลักจะอิงจากการเข้าพักในโรงแรม โดยดูจากอัตราค่าห้องเช่น เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ อัตรากำลังซื้อของกลุ่มที่เข้าพักจะสูง ทั้งนี้ที่ผ่านมาผู้ที่มาใช้บริการสปาแอนด์เวลเนสของกลุ่มไมเนอร์ ส่วนใหญ่มักจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และผู้ที่มีกำลังซื้อ รวมทั้งยังพบว่ามีผู้ชายมาใช้บริการเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันธุรกิจสปาแอนด์เวลเนสนั้นเติบโตพร้อมกับไมเนอร์ไฮเทลส์ ในทุกครั้งที่โรงแรมมีการเปิด รีแบรนด์ หรือขยายสาขาธุรกิจสปาก็จะได้ตามด้วยเช่นกัน ส่วนไซต์และงบประมาณการลงทุนมันไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับโลเกชันนั้นๆ

ชูจุดเด่น "ศาสตร์การชะลอวัย"

ปัจจุบัน เอ็ม สปา อินเตอร์เนชั่นแนล ของกลุ่มไมเนอร์ โฮเทลส์ มีสาขาภายใต้การบริหารในโซนเอเชียรวมกว่า 40 สาขา แบ่งเป็นในไทย 22 สาขา ส่วนที่เหลือในประเทศอื่นๆ เช่น มัลดีฟส์ มาเลเซีย เวียดนาม ลาว ฯลฯ 

ทั้งนี้ ลองจิวิตี้ ฮับ บาย คลินิก ลา แพรรี (Longevity Hub by Clinique La Prairie) ศูนย์ดูแลสุขภาพระดับอัลตราลักชูรีจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะตั้งบนพื้นที่ชั้น 15 ของโรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ บนพื้นที่กว่า 1,500 ตร.ม. ให้บริการแบบองค์รวม 

โดยจุดเด่นหลักคือ ศาสตร์การชะลอวัยเริ่มต้นด้วยการประเมินค่าดัชนีอายุยืน (Longevity Index Assessment) เพื่อตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวมของลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยจะเป็นการให้บริการทั้งแบบรายครั้ง รายเดือน และเมมเบอร์รายปี