แม้จะเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน แต่วันนี้สถานการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่ปกติแล้ว ผู้คนไปช็อปปิ้งกัน แน่นทุกวันเหมือนเดิม ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย คุณชัย วัชรงค์ โฆษกสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวจีนยังคงให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ตัวเลขจากท่าอากาศยานไทย ระบุว่า นักท่องเที่ยวจีนจองการเดินทางเข้ามาประเทศไทย 6.5 แสนคน ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่สยามพารากอน ยังคงยืนยันที่จะบินมาเที่ยวไทย 5.9 แสนคน ลดลง 9.2% ซึ่งถือเป็นความเบี่ยงเบนปกติที่จะบวกลบ 15% ส่งผลให้ ศูนย์การค้าสยามพารากอน แลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพมหานคร ยังคงเป็น Global Destination จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ต่อไปเช่นเดิม
ศูนย์การค้าสยามพารากอน เป็นศูนย์การค้าที่มีสินค้าแบรนด์ เนมระดับโลกเข้ามาเปิดร้านมากที่สุดในภูมิภาคนี้ นักท่องเที่ยวเศรษฐีจากประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องบินมาซื้อสินค้าแบรนด์เนมในประเทศไทยตลอดทั้งปี เพราะมีสินค้าใหม่ให้เลือกมากกว่า
สินค้าแบรนด์เนม ถือเป็น “เสน่ห์อย่างหนึ่ง” ที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับเศรษฐีในภูมิภาคนี้ ต้องบินมาเที่ยวมาช็อปปิ้งในเมืองไทย โดยเฉพาะใน ศูนย์การค้าสยามพารากอน แม้ในช่วงโควิด สินค้าแบรนด์เนมในศูนย์ก็มียอดขายเติบโต 300-400% สองวันก่อน คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง ได้หารือกับภาคเอกชน อาทิ สภาอุตสาหกรรมฯ สภาหอการค้าไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เพื่อ หาทางส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการช็อปปิ้งกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจจะมีการ ลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมกลุ่มไฮเอนด์ เช่น แอร์เมส ปราดา หลุยส์วิตตอง โรเล็กซ์ ฯลฯ ซึ่งเสียภาษีนำเข้าเฉลี่ย 30% หากลดราคาลงมาจะช่วยดึง นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักให้เข้ามาช็อปปิ้งในเมืองไทยเพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยว เศรษฐี ก็จะเที่ยวแบบเศรษฐี ช็อปปิ้งแบบเศรษฐี กินหรูอยู่สบายแบบเศรษฐี ไม่ค่อยแคร์เรื่องราคา
เศรษฐกิจไทยยามนี้ ต้องพึ่งการท่องเที่ยวช่วยประคองเศรษฐกิจ ผมจึงเห็นด้วยกับรัฐบาลว่า ถ้าลดภาษีสินค้าแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์ลงมาให้ถูกลง ก็จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเศรษฐีให้เข้ามาเที่ยวเมืองไทย มากขึ้น มาช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมหรูในเมืองไทยมากขึ้น นักท่องเที่ยวเศรษฐีแต่ละคน ใช้เงินมากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปเยอะ พักโรงแรมหรู เที่ยวหรู กินหรู ช่วยเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวให้ประเทศได้อีกมาก
จากข้อมูลที่ คุณชฎาทิพ จูตระกูล ซีอีโอ กลุ่มสยามพิวรรธน์ ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน เปิดเผยในวันเปิดโซนใหม่ ระบุว่า “เราเป็นศูนย์การค้าเดียวที่สามารถสร้างและดึงดูดจำนวนลูกค้าให้เข้าศูนย์การค้าได้โดยเฉลี่ยวันละ 250,000 คน และ ใน 250,000 คนนั้น เป็นนักท่องเที่ยวมากถึง 30% นั่นหมายความว่า ตลอดทั้งปี สยามพารากอนมีลูกค้ามาเยี่ยมชมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านคนก่อนโควิด นักท่องเที่ยวปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน เป็นจำนวนที่จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครสามารถทำได้”
เห็นตัวเลขลูกค้าแล้วก็ไม่แปลกใจที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน จะกลายเป็น Global Destination และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพมหานคร ปี 2559 สยามพารากอนได้รับการยกย่องให้เป็น ศูนย์การค้าแห่งการช็อปปิ้งที่มีนักท่องเที่ยวเช็กอินมากที่สุดในโลกอันดับ 6 และ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของ Facebook Review ชนะสถานที่สำคัญของโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พระราชวังแวร์ซายส์ หรือ ไทม์สแควร์ และปี 2558 ก็ ครองอันดับ 1 Global Instagram สถานที่ที่มีคนถ่ายรูปโพสต์ลงบนอินสตาแกรมมากที่สุดในโลก เป็นต้น
ผมว่า สิ่งสำคัญอีกอย่างที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ให้มาเที่ยวเมืองไทย ก็คือ รัฐบาลต้องทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่า “มีความปลอดภัย” ในการมาเที่ยวเมืองไทย เหมือนกับที่ “คนไทย” รู้สึกปลอดภัยเมื่อไปเที่ยว “ญี่ปุ่น” แล้วประเทศไทยจะเป็น World Destination สวรรค์ของนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว เรามีอีกหลายอย่างมากที่ประเทศอื่นไม่มี.
“ลม เปลี่ยนทิศ”