นาทีนี้หากพูดถึงเทรนด์ที่มาแรงสุดๆ ในโลกโซเชียลคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกซะจาก Art Toy หรือ กล่องสุ่ม งานศิลปะที่ออกแบบมาในรูปแบบของเล่น ที่ไม่ได้จำกัดอายุหรือเพศผู้ที่สะสม โดยทำมาจากวัสดุเรซิ่น หรือไวนิล แตกต่างตามการออกแบบ ดังนั้นด้วยความครีเอตของดีไซน์ บวกกับความน่ารักของอาร์ตทอยเองต่างก็ทำให้ใครหลายๆ คนพร้อมจะเป็นเจ้าของ รวมทั้งยังได้สัมผัสความรู้สึกตื่นเต้นเวลาลุ้นกล่องสุ่ม ว่าจะได้อาร์ตทอยตัวไหน จะเป็นตัวลิมิเต็ดหรือเปล่า นั่นจึงทำให้กระแสนิยมของ “อาร์ตทอย” พุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และ ณ เวลานี้หากเปิดไปแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง TiktTok ก็จะเห็นการไลฟ์สดจำหน่ายอาร์ตทอยกันหลายร้านอย่างแน่นอน
ป๊อปมาร์ท โมเดลตุ๊กตาแสนล้านสัญชาติจีน ในฐานะผู้นำตลาดธุรกิจอาร์ตทอยจากคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนที่มาในรูปแบบของกล่องสุ่ม (Blind Boxes) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักสะสมของเล่นและของสะสม เดินหน้าแผนขยายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง เปิดตัวแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในประเทศไทย เพื่อตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดอาร์ตทอยส์ (Art Toys) เบอร์หนึ่งของโลกด้วยการสร้างเทรนด์นิยมในสไตล์ป๊อปคัลเจอร์ (POP Culture) ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะด้วยการผนึกพลังไอเดียการออกแบบฟิกเกอร์ตัวการ์ตูนที่เป็นของเล่นและของสะสมร่วมกับศิลปินและนักออกแบบจากทั่วโลกกว่า 350 คน
โดยในครั้งนี้ “ป๊อปมาร์ท” ได้ร่วมทุนกับ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ภายใต้กลุ่มธุรกิจ Minor Lifestyle เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโต และขับเคลื่อนการขยายตลาดในประเทศไทย โดยความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในแต่ละภาคส่วน ซึ่งจะก่อให้เกิดการเติบโตของศิลปะและตลาดอาร์ตทอยในประเทศไทยอันเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จัสติน มูน ประธาน ป๊อปมาร์ท อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า ปัจจุบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ผู้บริโภคมีอำนาจซื้อสูงและมีตลาดขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันก็มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเปิดกว้างในการรับวัฒนธรรมและสินค้าจากต่างประเทศ การลงทุนและการสนับสนุนการลงทุนในระดับสูงในธุรกิจต่างชาติได้ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดี
นอกจากนี้ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคุ้มค่าต่อการสำรวจ ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพทั้งตลาดออฟไลน์หรือออนไลน์ ทั้งจาก Shoppee และ Lazada โดยเริ่มแรกได้ปักหมุดที่สิงคโปร์ มาเลเซีย และปัจจุบันได้ขยายมายังประเทศไทย รวมทั้งยังมีแผนที่จะขยายตลาดต่อไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสร้างเครือข่ายการขายแบบออฟไลน์และออนไลน์ที่ครบวงจร
ทั้งนี้จากการดำเนินธุรกิจทั่วโลกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ด้วยกระแสนิยมอาร์ตทอยที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดทำให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,814 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 19.3% นอกจากนี้ กำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วยังเพิ่มขึ้นเป็น 535 ล้านหยวน หรือคิดเป็น 42.3%
“ด้วยความพยายามของเรา ส่งผลให้รายได้ในต่างประเทศของป๊อปมาร์ทเพิ่มขึ้นถึง 139.8% เป็นการตอกย้ำความสำเร็จทางธุรกิจในตลาดต่างประเทศได้เป็นอย่างดี โดยป๊อปมาร์ทมีรายได้จากตลาดต่างประเทศต่างๆ สูงถึง 376 ล้านหยวน นอกจากนี้ กำไรจากการดำเนินงานยังมีการเติบโตสูงกว่าเป้าหมาย โดยสามารถทำกำไรได้สูงถึง 78.89 ล้านหยวน (CNY) มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 183% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 เราสามารถขยายร้านค้าได้รวมทั้งสิ้น 432 ร้านทั่วโลก อีกทั้งมีการขยายตู้ขายอัตโนมัติเพิ่มสูงถึง 2,328 ตู้ เมื่อช่องทางการจำหน่ายของเรายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ฐานลูกค้าของเราขยายตัวอย่างรวดเร็วไปพร้อมๆ กัน” จัสติน กล่าว
ทั้งนี้ POP MART ได้จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นที่เรียบร้อยด้วยมูลค่าตลาดกว่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราวๆ 1.28 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกันจากข้อมูลพบว่าคนไทยให้ความสนใจกระแสป๊อปคัลเจอร์เพิ่มขึ้นมาก และหนึ่งในกระแสยอดนิยมก็คือ อาร์ตทอยในรูปแบบกล่องสุ่มที่สร้างความตื่นเต้นและลุ้นทุกครั้งว่าเมื่อเปิดกล่องออกมาจะได้อาร์ตทอยรูปแบบใด ถือเป็นเสน่ห์ของอาร์ตทอยในรูปแบบกล่องสุ่มในฐานะสินค้าป๊อปคัลเจอร์ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ในปัจจุบัน
โดยเบื้องต้นได้มีการกำหนดเป้าหมายที่จะสร้างให้ป๊อปมาร์ทเป็นเสมือนห้องจัดแสดงผลงานศิลปะ ที่รวมผลงานด้านการออกแบบอันเกิดจากแรงบันดาลใจ ผ่านผลงานทรงคุณค่าของเหล่าศิลปินและนักออกแบบจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยกระแสนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นนี้เอง ทำให้เกิดความร่วมมือในการสร้างสรรค์ผลงานคอลเลกชันพิเศษร่วมกับแบรนด์ระดับโลกอย่างดีซี ดิสนีย์ วอร์เนอร์ แฮร์รี พอตเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
จัสติน ยังกล่าวต่อไปว่า ในแต่ละปี ป๊อปมาร์ทไม่เคยหยุดนิ่งในการสร้างสรรค์ตัวการ์ตูนของสะสมเพื่อสร้างอรรถรสและความสุขให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ ด้วยการเฟ้นหาศิลปินและนักออกแบบรุ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เพื่อนำเสนอผลงานใหม่ๆ และสร้างสีสันให้แก่โลกของอาร์ตทอย
โดย ป๊อปมาร์ท (POP MART) ให้ความสำคัญในการเฟ้นหาศิลปินและนักออกแบบผ่านเวที Largest Art Toys Show in ASIA ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง และล่าสุดประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ ป๊อปมาร์ทยังมีส่วนร่วมในโครงการต่างๆ ด้านการศึกษาศิลปะ โดยร่วมกับวิทยากรรับเชิญจากมหาวิทยาลัยในการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อการแสดงวิสัยทัศน์และแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับกระแสป๊อปคัลเจอร์และการสร้างสรรค์อาร์ตทอยในมหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อเปิดโลกทัศน์และมอบโอกาสให้แก่กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มีเวทีในการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์
รวมทั้งการร่วมในงานแข่งขันการออกแบบกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งการมีส่วนร่วมดังกล่าว ล้วนแล้วแต่เป็นกลยุทธ์เชิงรุกในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชนศิลปินของป๊อปมาร์ท ไม่ว่าจะเป็น เคนนี หว่อง ผู้สร้างสรรค์ Molly, มอลลี่ นิสา ศรีคำดี ผู้สร้างสรรค์ CryBaby และ SKULLPANDA ผู้สร้างสรรค์ SKULLPANDA
ซึ่งตรงจุดนี้ถือเป็นการสร้าง Iconic Crossovers คือกลยุทธ์ที่ใช้เพิ่มเสน่ห์ให้แก่ผลงานอาร์ตทอยของป๊อปมาร์ทซึ่งมีจำนวนจำกัด ดังเช่นผลงานที่ผ่านมา อาทิ Molly x Snoopy, Labubu x Spongebob ฯลฯ นอกจากนี้ การร่วมมือกับสตูดิโอและแบรนด์ระดับโลกอย่าง Inner Flow, Silent Trick, Gone ฯลฯ ยังช่วยสร้างความตื่นเต้นและมอบประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้บริโภคอยู่เสมอ ถือเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดให้ป๊อปมาร์ท
อีกทั้งยังเป็นการเสนอทางเลือกเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าด้วยการนำเสนออาร์ตทอย 3 ขนาดต่างกัน ได้แก่ ขนาดปกติ (Regular), ขนาดใหญ่ (Big) และขนาดใหญ่พิเศษ (MEGA) นับเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวอีกประการที่ช่วยเพิ่มความสุขและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ สำหรับผู้บริโภคชาวไทย ขนาดใหญ่พิเศษ (MEGA) ได้รับความนิยมสูงสุดแม้จะมีราคาสูงที่สุดก็ตาม เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าแฟนพันธุ์แท้ที่ชอบสะสม โดยเฉพาะรุ่น MEGA SPACE MOLLY ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่และมีส่วนช่วยขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งได้มากขึ้น
“ในอนาคต ป๊อปมาร์ทอาจเป็นมากกว่าอาร์ตทอย โดยเราจะนำพื้นฐานความสำเร็จที่เริ่มต้นจากความสนุก ตื่นเต้น และความประหลาดใจมาเป็นตัวเชื่อมสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่เน้นสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้บริโภค อาทิ สวนสนุก เกม หรือแม้แต่แอนิเมชัน”
โดยแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในประเทศไทยในวันที่ 20 กันยายนนี้ ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ มีพื้นที่รวมกว่า 169 ตารางเมตร ซึ่งสาเหตุที่เลือกโลเคชั่นนี้เนื่องจากเป็นห้างขนาดใหญ่อันดับ 1 ในไทย มีการจัดงานนิทรรศการอาร์ตทอยทุกปี และเป็นจุดศูนย์กลางของบรรดานักท่องเที่ยว และผู้คน รวมทั้งยังได้มีการตั้งเป้าไทยเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย ภายใน 12 เดือน
รวมทั้งคาดว่าจะเปิดสาขาที่ 2 ภายในช่วงปลายปีนี้ อีกทั้งยังวางแผนเปิดร้านค้าปลีกและร้านป๊อปอัพมากถึง 20 แห่ง พร้อมด้วยตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (POP MART ROBOSHOP) ประมาณ 50 ตู้ทั่วประเทศไทย รวมทั้งมีแผนจะขยายไปหัวเมืองใหญ่ๆ อาทิ พัทยา เชียงใหม่
ซึ่งในแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความตื่นเต้นเต็มรูปแบบผ่านโซนต่างๆ ที่จัดแบ่งไว้หลากหลาย อาทิ คอลเลกชันกล่องสุ่ม (Blind Box Collections) คอลเลกชันที่หายากที่สุด คอลเลกชันสุดพิเศษ SKULLPANDA Hoar Frost Thailand Limited Edition มีเพียง 140 ชิ้นเท่านั้น เฉพาะที่แฟลกชิปสโตร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ประเทศไทย, คอลเลกชันเฉพาะช่วงเปิดร้าน ได้แก่ SKULLPANDA Dark Maid Figurine, Labubu Diver’s Manual, Labubu Shepherd Figurine, Hirono Unknown journey และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งวางจำหน่ายเฉพาะช่วงเปิดร้านเท่านั้น, คอลเลกชัน MEGA ได้แก่ MEGA SPACE MOLLY 400% & 1,000% รวมทั้งคอลเลกชันอื่นๆ อาทิ POP BEAN, Big Figure และ Inner Flow Collection
อย่าพลาด!! โดยเรทราคาจะเริ่มต้นที่ 300 บาทเป็นต้นไป ซึ่งจะเปิดตัววันแรก 20 กันยายนนี้ แจกคิว 07.00 น. เข้าร้านได้เวลา 10.00 น. ครั้งละ 25 คิว