ผู้ผลิตหวั่นไทยเสียตลาดกะทิโลกให้คู่แข่ง แนะจ้างล็อบบี้ยิสต์แจงไม่ใช้ลิงเก็บมะพร้าว

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ผู้ผลิตหวั่นไทยเสียตลาดกะทิโลกให้คู่แข่ง แนะจ้างล็อบบี้ยิสต์แจงไม่ใช้ลิงเก็บมะพร้าว

Date Time: 14 มิ.ย. 2566 07:51 น.

Summary

  • ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์กะทิจากมะพร้าวของไทยยังไม่สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ และอังกฤษได้ หลังช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา องค์กรพิทักษ์สัตว์ (PETA) ยังคงเผยแพร่ข้อมูลอุตสาหกรรมมะพร้าวและกะทิของไทย ว่ายังบังคับใช้ลิงเก็บมะพร้าว ถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์ และหนทางเดียวที่จะหยุดการบังคับใช้แรงงานลิงได้ คือ การหยุดซื้อกะทิจากไทย

Latest

อัปเดต 5 กลยุทธ์ขายของ พิชิตใจคน Gen Z อยากรักษ์โลก แต่ของมันต้องมี แบรนด์รับมืออย่างไร?

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์กะทิจากมะพร้าวของไทยยังไม่สามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ และอังกฤษได้ หลังช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา องค์กรพิทักษ์สัตว์ (PETA) ยังคงเผยแพร่ข้อมูลอุตสาหกรรมมะพร้าวและกะทิของไทย ว่ายังบังคับใช้ลิงเก็บมะพร้าว ถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์ และหนทางเดียวที่จะหยุดการบังคับใช้แรงงานลิงได้ คือ การหยุดซื้อกะทิจากไทย ส่งผลให้ทั้งห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เกตในสหรัฐฯและอังกฤษ นำผลิตภัณฑ์กะทิของไทยออกจากชั้นวาง พร้อมขึ้นข้อความเตือนผู้บริโภคว่า “อย่าซื้อกะทิจากไทย” และบางห้างถึงกับระบุแบรนด์กะทิของไทยด้วย ส่งผลต่อเนื่องให้ห้างซุปเปอร์มาร์เกตและเครือข่ายหลายแห่งในอังกฤษและหลายประเทศในยุโรป ยกเลิกนำเข้ากะทิไทย ล่าสุด เว็บไซต์ peta.org.uk เผยแพร่ข่าวเดือน มี.ค.66 ระบุ HelloFresh บริษัทจัดจำหน่ายอาหารนานาชาติในอังกฤษ ยกเลิกขายกะทิจากไทย

ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลไทย ทูตพาณิชย์ไทยประเทศต่างๆ รวมถึงผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กะทิของไทย ได้ร่วมมือกันชี้แจงทำความเข้าใจกับคู่ค้า ผู้นำเข้าอย่างต่อเนื่องว่า ไทยไม่ได้ใช้ลิงเก็บมะพร้าวแล้ว เพราะต้นมะพร้าวของไทยเป็นพันธุ์เตี้ยที่ใช้เครื่องจักรเก็บได้ ที่สำคัญการผลิตกะทิจำนวนมากในเชิงอุตสาหกรรม การใช้ลิงเก็บเป็นไปไม่ได้แน่นอน นอกจากนี้ ยังทำคลิปเผยแพร่ขั้นตอนการผลิตกะทิของไทยและรัฐบาลได้ออกหนังสือรับรอง “Monkey Free Plus” ให้เอกชนว่า ไม่มีการทารุณกรรมสัตว์ในกระบวนการผลิต แต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ โดยยังมีการเผยแพร่ข้อมูลไทยใช้ลิงเก็บมะพร้าวอยู่ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ผู้ผลิตเกรงว่า ไทยอาจเสียตลาดกะทิให้คู่แข่ง ฟิลิปปินส์และศรีลังกา จากปัจจุบันที่กะทิไทยมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 80% ในตลาดโลก ดังนั้น ภาคเอกชนจึงต้องการให้รัฐเร่งหารือกับ PETA หรือจ้างล็อบบี้ยิสต์ให้ทำความเข้าใจเพื่อให้เปิดรับข้อมูล และเผยแพร่ข้อมูลตามที่ไทยชี้แจง เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจและกลับมาซื้อกะทิจากไทยเช่นเดิม.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ