บุณยสิทธิ์ ประธานเครือสหพัฒน์ เผย สหกรุ๊ปเป็นพ่อค้า ต้องปรับตัวได้ทุกรัฐบาล

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 66 นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ และผู้บริหารเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า เศรษฐกิจประเทศไทยยังถือว่ายังดีกว่าหลายประเทศที่กำลังเผชิญกับเงินเฟ้อ หรือ Inflation ส่งออกไทยก็ลดลง เราจะเห็นได้ว่าการท่องเที่ยวกลับมาดีขึ้น ทั่วโลกกลับมาเที่ยวประเทศ เรามีจุดเด่นทั้งอาหาร มวยไทย และเฮลท์แคร์

ส่วนประเด็นเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงนโยบายทางการเมืองนั้น ต้องบอกก่อนว่าเครือสหพัฒน์เป็นพ่อค้า ต้องปรับตัวได้ทุกรัฐบาล ถ้ามีการปรับขึ้นค่าแรง เราก็ต้องทำให้ของทุกอย่างไม่ขึ้นราคาตามค่าแรง รัฐบาลไหนมาก็ให้ความร่วมมือ การค้า การขาย ยากขึ้นทุกปี อยู่ที่เราปรับตัวต้องให้ทันเหตุการณ์ ปรับช้าก็เสีย

"การเลือกตั้งที่ผ่านมาเราก็เห็นอยู่แล้วว่า คนรุ่นใหม่มาแรง สหกรุ๊ปก็เช่นกัน ก็มีการปรับรุ่นใหม่ๆ เข้ามาหมดแล้ว รุ่นเก่าๆ ก็ไม่ค่อยมีอยู่ในธุรกิจ ตัวผมเองก็ไม่ได้ยุ่งกับธุรกิจ ตอนนี้ให้ลูกๆ หลานๆ คนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาดูแล เราไม่ใช่เพิ่งปรับทำมา 10 ปีแล้ว สิ่งที่ควรให้สำคัญตอนนี้ คือ สิ่งแวดล้อม สินค้าถูกลง เพราะตอนนี้เงินเฟ้อทั่วโลก เราต้องทำยังไงให้สินค้าไม่ขึ้นราคามากไปสมัยก่อนพ่อของผม โตแล้วแตก แตกแล้วโต ยุคนี้หลวมแล้วใหญ่ ใหญ่แล้วหลวม ก็คือต้องเอาหลายๆ กรุ๊ปหลายฝ่ายมาร่วมมือกัน ให้เศรษฐกิจไทยไปได้รอดต่อ"

ทั้งนี้ คนรุ่นใหม่ตัดสินใจเร็วก็เป็นจุดเด่นของรุ่นใหม่ ผมไม่เป็นห่วงเลย เขาเก่งกว่าผมอีก เขาจะพัฒนาบริษัทเราได้เร็วขึ้น ส่วนคนแก่ก็รอบคอบเลยทำงานช้า รุ่นใหม่มาก็เป็นจุดเด่นทั้งหมด คนสหพัฒน์รู้อยู่แล้วว่าอันไหนต้องเร็วช้าหนักเบาตอนไหน เวลาไหนต้องเร็ว จังหวะไหนต้องช้า อันไหนสำคัญ แยกแยะได้ และพัฒนาต่อไป

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ผมไม่ห่วงเลย ใครมาเราปรับตัว เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจสำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่การขึ้นค่าแรง แต่การให้คนมีการศึกษา ให้คนไม่ว่างงาน ให้คนมีงานทำ พัฒนาด้านเกษตรกรรม ถ้าเราพัฒนาให้สินค้าเกษตรราคาสูงขึ้น มีรายได้ แรงงานในเกษตรก็จะไม่ไหลเข้ามาในอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ถ้าขึ้นแต่ค่าแรงก็น่าจะกระทบกับการท่องเที่ยว อาหารดี ค่าครองชีพดี ถ้ายกให้ค่าแรงสูงขึ้นก็จะเหมือนสหรัฐฯ เม็กซิโก อันนี้จะเป็นปัญหา ที่ผมจะเป็นห่วง ถ้าเกิดค่าแรงสูงมากเกินไป นักลงทุนเช่น ญี่ปุ่น จะยกขบวนทั้งหมดไปลงทุนเวียดนาม ง่ายๆ อย่างเช่น การผลิตเสื้อผ้า ไม่ต้องขึ้นค่าแรง ฐานการผลิตก็ย้ายไปที่เวียดนามแล้ว

"ด้านการลงทุนนั้น ต้องบอกก่อนว่าผมอาจจะคิดต่างกับคนอื่น ช่วงที่เงินเฟ้อแบบนี้ เราควรลงทุนและลงทุนเยอะๆ ดีที่สุด ถ้าเก็บเป็นเงินสดจะไม่มีความหมาย ซึ่งตอนนี้เรากำลังมีจะมีการลงทุนใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน" 

สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 27 ปี 66 มาในธีม ศึกเจ้านักช็อป

นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า งานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 27 ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.-2 ก.ค. 66 ที่ไบเทค บางนา โดยความพิเศษของงานมีทั้งสินค้ารวมกว่า 1,000 บูธ จาก 100 บริษัทแล้ว

นอกจากนี้เรายังมีอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทยและต่างชาติ เช่น จีน มาเลเซีย เวียดนาม มาไลฟ์จำหน่ายสินค้า ผู้ชมสามารถสั่งซื้อได้ทันที ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่มากขึ้น โดยการไลฟ์ของอินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติเพื่อจำหน่ายสินค้าไปยังต่างประเทศ

ทั้งนี้ เป็นการร่วมมือของเราและ SHOP CHANNEL ที่จะร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศต่าง ๆ ได้แก่ Eshoplive บริษัท Live commerce อันดับหนึ่งจากมาเลเซีย, SukeTV บริษัทสตาร์ทอัพด้านมัลติมีเดีย ช็อปปิ้ง และ KOL จากมาเลเซีย, Yowant บริษัท Multichannel Network และอินฟลูเอนเซอร์จากจีน รวมถึง Verofax บริษัทด้านเทคโนโลยีจากดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ร่วมกับ WebTVAsia บริษัทเครือข่าย อินฟลูเอนเซอร์จากมาเลเซีย

โดยในปี 66 นี้ยังเป็นปีทองของธุรกิจสัตว์เลี้ยง เพราะพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่รักสัตว์เหมือนสมาชิก ในครอบครัว จึงเป็นครั้งแรกที่จัดเป็น Pet-Friendly สามารถพาสัตว์เลี้ยงมาร่วมงานได้ โดยนำสัตว์เลี้ยง ไว้ในรถเข็น

ขณะเดียวกัน ภายในงานยังมีการจัดแสดงนวัตกรรม สินค้าใหม่ที่น่าสนใจ รวมทั้งธุรกิจที่ SPI เข้าไปลงทุนและพันธมิตรรวมกว่า 20 บริษัท ทั้งพลังงาน โรงพยาบาล การศึกษา โลจิสติกส์ บริการ และสินค้าจากญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงสินค้าญี่ปุ่นแบรนด์ดังอย่าง ดองกิ ซึรุฮะ ลอว์สัน ไดโซะ โคเมเฮียว

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าภายใต้คอนเซปต์ ESG และการจำหน่ายสินค้าแบบ B2B รวมทั้งกิจกรรมพิเศษมากมาย เช่น โครงการ The Affiliate Thailand Presented by Saha Group ที่จับมือจุฬาฯ และ TikTok จัดแคมเปญสร้างรายได้ง่ายๆ ใน 1 นาที ด้วยการเป็น Affiliate ทาง TikTok ซึ่งหลังจบเวิร์กช็อปสามารถลงมือสร้างรายได้ได้ทันที และยังมี แฟชั่นโชว์ การประกวด การสัมมนา การเซ็นสัญญาร่วมทุน เป็นต้น