เอ็กซ์โปลิงค์ฯ ตั้งไทยเป็นฮับสินค้าสำหรับเด็กในอาเซียน คาดเงินสะพัดพันล้าน

เอ็กซ์โปลิงค์ฯ ตั้งเป้าไทยเป็นฮับสินค้าสำหรับเด็กในอาเซียน เตรียมจัดแมทชิ่ง B2B ในงาน Kind + Jugend ASEAN 2023 คาดเม็ดเงินสะพัด 1 พันล้าน

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 66 นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ตัวแทน โคโลญเมสเซ่ ประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในไทยมีมูลค่าการตลาดกว่า 40,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่ดีโดยเฉพาะการส่งออกไปยังต่างประเทศ

นอกจากนี้เราจะพบว่าการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับเด็ก มีโอกาสเติบโตสูง ไม่ว่าจะเป็นในไทย หรืออาเซียน โดยเฉพาะแถบตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะเป็นอิสราเอล หรือ ซาอุดิอาระเบีย ที่มีความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

"จากประสบการณ์ที่เราเคยจัดงานไทยเฟค หรือ THAIFEX มาก่อน เราพบว่าชาวตะวันออกกลางมีกำลังซื้อสูงและมีความต้องการสินค้าที่ดีมีคุณภาพ โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพแม่และเด็กที่เป็นแบบออร์แกนิก"

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตภัณฑ์และของใช้จำเป็นสำหรับเด็ก เราจึงจัดงาน Kind + Jugend ASEAN 2023 โดยเราคาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าร่วมงานได้กว่า 3,000 คน จากไทย ภูมิภาคอาเซียน รวมไปถึง จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ โดยจะมีทั้งกลุ่มผู้นำเข้า ตัวแทนจำหน่าย ผู้ค่าส่ง ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด ผู้ค้าออนไลน์ โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนเอกชน โรงพยาบาล โรงแรม ศูนย์เลี้ยงเด็ก ฯลฯ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะได้พบกับสินค้าที่หลากหลาย อัปเดตเทรนด์และนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากกิจกรรมโปรแกรมสัมมนาที่มีเนื้อหาเชิงลึกและเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมแม่และเด็ก

รวมไปถึงการพบปะกับผู้ผลิตชั้นนำตัวจริง เพื่อต่อยอดและสร้างเครือข่ายด้วยการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ เป็นโอกาสที่ดีในการบุกและขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตอันรวดเร็ว

นางอุไรวรรณ บุนนาค นายกสมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการเลือกซื้อของเล่นของพ่อแม่เปลี่ยนไปส่วนใหญ่ซื้อเพราะต้องการเสริมสร้างพัฒนาการของลูกไม่ว่าจะเป็นการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก พัฒนาการทางด้านเสียงจึงทำให้ของเล่นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะด้านสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ต้องคำนึงถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่ใส่ใจในความยั่งยืน เช่น ของเล่นไม้จากยางพารา ของเล่นจากพลาสติกชีวภาพที่สามารถย่อยสลายและนำกลับมาใช้ใหม่ได้

โดยเรื่องดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยตอบโจทย์กับพ่อแม่ที่ยอมเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์คุณภาพและปลอดภัยสูงขึ้นไม่น้อยกว่า 15% ซึ่งสัดส่วนการใช้จ่ายจะอยู่ประมาณ 30% ของค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นส่วนการซื้อของเล่นอยู่ประมาณ 10% (สูงขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีตไม่เกิน 5%)

ขณะเดียวกันยังช่วยสร้างการเติบโตในต่างประเทศ จากแนวโน้มการส่งออกขยายตัวมากขึ้น โดยปี 2565 ตลาดของเล่นส่งออกอยู่ที่ประมาณ 9,800 ล้านบาท สูงขึ้นจากปี 2564 อยู่ 15% และสมาคมฯ คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะสามารถเพิ่มยอดการส่งออกได้ไม่น้อยกว่า 10%

ด้าน ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ หรือ อพวช. กล่าวว่า เราเชื่อว่าการเล่นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเด็กปฐมวัย ช่วยให้ได้รู้จักใช้การสังเกต ใช้ความคิด ความสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ ขณะเดียวกันเด็กก็จะได้รับความสนุกสนานและมีความสุขด้วย

ทั้งนี้ อพวช. ได้ร่วมกับหลากหลายหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เห็นความสำคัญของการส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก ในการนำนิทรรศการเคลื่อนที่ หรือ Traveling exhibition จาก อพวช. มาใช้ผลักดันให้สังคมเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้

โดยในงาน Kind + Jugend ASEAN 2023 นี้ ได้มีการนำนิทรรศการเคลื่อนที่เด็กปฐมวัยชุด "สนุกวิทย์ สนุกคิดส์ Fun Science Kits" ชิ้นงานวิทยาศาสตร์รูปแบบ Hands-on ที่เน้นให้เด็กเรียนรู้และสนุกไปกับตัวชิ้นงานด้วยตัวเอง

พร้อมสอดแทรกความรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน อาทิ เรื่องน้ำและอากาศ แสงสี การมองเห็นและเสียง ไฟฟ้า แม่เหล็ก ร่างกาย และเรื่องการท่องโลกนับจำนวน ที่เด็กๆ จะได้รับความสนุกที่มาพร้อมการสร้างพัฒนาการที่เหมาะสมกับช่วงวัย

"เราเชื่อว่าองค์ความรู้ และงานวิจัยต่างๆ สามารถส่งต่อและส่งออกได้ เราอยากเห็นของเล่นเด็กดีๆ ที่ต่อยอดจากงานวิจัย และนำไปใช้ได้จริง เรายืนยันว่าในภูมิภาคนี้ นักวิชาการไทยทำได้ดีที่สุด และเราก็พร้อมโกอินเตอร์"