เนสท์เล่ไอศกรีม ผลิตด้วยพลังงานทดแทน 100% เป็นรายแรกของ FMCG ไทย ผ่านความร่วมมือรูปแบบใหม่กับ กฟผ.

Business & Marketing

Marketing

Content Partnership

Author

Content Partnership

Tag

เนสท์เล่ไอศกรีม ผลิตด้วยพลังงานทดแทน 100% เป็นรายแรกของ FMCG ไทย ผ่านความร่วมมือรูปแบบใหม่กับ กฟผ.

Date Time: 10 ก.พ. 2566 15:59 น.
Content Partnership

Summary

  • กลุ่มธุรกิจเนสท์เล่ ไอศกรีม ภายใต้บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เริ่มต้นใช้พลังงานทดแทน 100% ผ่านรูปแบบการซื้อขายพลังงานทดแทนแบบเจาะจงแหล่งที่มาจาก กฟผ.

ความท้าทายสำคัญในการพัฒนาธุรกิจยุคปัจจุบัน คือการทำอย่างไรให้ธุรกิจสามารถเดินไปข้างหน้า และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน กลุ่มธุรกิจเนสท์เล่ ไอศกรีม ภายใต้บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เข้าใจโจทย์ดังกล่าวอย่างชัดเจน และสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากภายใน โดยได้เริ่มต้นใช้พลังงานทดแทน 100% ผ่านรูปแบบการซื้อขายพลังงานทดแทนแบบเจาะจงแหล่งที่มาจาก กฟผ. มาใช้ผลิตเนสท์เล่ไอศกรีมตลอดปี 2023 นับเป็นรายแรกของ FMCG ไทย เพื่อส่งต่อไอศกรีมที่ดีต่อใจและดีต่อโลกให้กับคนรักไอศกรีม

วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เล่าถึงเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งนี้ว่า

“เนสท์เล่มีเป้าหมายสำคัญ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 ซึ่งหนึ่งในแผนงานด้านความยั่งยืนในประเทศไทย ก็คือ การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 100% ในโรงงานผลิตของเนสท์เล่ทุกแห่งภายในปี 2025”

โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญ ระหว่างบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ที่ร่วมสร้างแนวทางการทำธุรกิจสีเขียวให้เป็นจริงในครั้งนี้ ซึ่งโครงการนำร่องจะเริ่มต้นใช้ในโรงงานผลิตเนสท์เล่ไอศกรีมที่บางชัน ตลอดช่วงปี 2023 วิคเตอร์ เซียห์ กล่าวเสริมถึงความร่วมมือครั้งสำคัญนี้อีกว่า

“ในวันนี้ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ กฟผ. ในการใช้พลังงานสะอาด 100% มานำร่องใช้ที่โรงงาน เนสท์เล่ ไอศกรีม อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เป็นรายแรกในอุตสาหกรรม FMCG ในประเทศไทย ภายใต้โครงการ Utility Green Tariff ในฐานะบริษัทธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนสท์เล่ตระหนักดีว่า การผลิตของเรามีส่วนในการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และวันนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเนสท์เล่ เพื่อร่วมมือกันพัฒนาประเทศไทย และโลกของเราให้ยั่งยืนและน่าอยู่ยิ่งขึ้น”

ในการเดินไปสู่ธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีเพียงการใช้ไฟฟ้าพลังงานทดแทนเท่านั้น กลุ่มธุรกิจเนสท์เล่ ไอศกรีม ยังได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในมิติอื่นๆ ไปพร้อมกันด้วย เช่น การเปลี่ยนตู้แช่ไอศกรีมแบบเดิมมาเป็นตู้แช่ที่ใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีการเปลี่ยนแปลงระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อโลกมากยิ่งขึ้น อย่างการใช้รถสามล้อไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายไอศกรีม รวมไปถึงการเปลี่ยนมาใช้ซองไอศกรีมที่ทำจากกระดาษ 100% ในผลิตภัณฑ์กลุ่มเอ็กซ์ตรีม นามะ และเนสท์เล่คิทแคท ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดสำคัญในการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็ต้องลงมือทำไปพร้อมกัน

วฤต รัตนชื่น ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรมและพัฒนาธุรกิจ ในฐานะ Project Management Office การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวเรือสำคัญที่ขับเคลื่อนให้โปรเจกต์นี้เกิดขึ้น ได้แชร์มุมมองถึงความเป็นไปได้ในอนาคตที่น่าสนใจเอาไว้ว่า

“ความร่วมมือระหว่างเนสท์เล่ ประเทศไทย กับ กฟผ. ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในการผลิตของภาคอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นภาคอุตสาหกรรมหลักที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้บริโภค โดย กฟผ. พร้อมสนับสนุนภาคธุรกิจในการให้บริการด้านพลังงานไฟฟ้าสีเขียว เพื่อผลักดันสู่การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียว และเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้วยนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป”

การที่ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ได้ร่วมกับ กฟผ. และบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ภายใต้โครงการ Utility Green Tariff นับเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลง ที่จะนำประเทศไทยไปสู่ยุคอุตสาหกรรมสีเขียวอย่างเต็มตัวในอนาคต เพราะเนสท์เล่เชื่อว่า หากเราอยากจะส่งมอบโลกที่ดีขึ้นให้กับคนในรุ่นต่อๆ ไป การเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้


Author

Content Partnership

Content Partnership