“ซีอาร์ซี”เปิดแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ลงทุน 1.5 แสนล้านบาท วางเป้าสัดส่วนรายได้จากประเทศไทย 65% ต่างประเทศ 35% ชี้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาแล้ว เสนอให้รัฐบาลพิจารณาภาษีสินค้าลักชัวรี่ ที่อาจทำแซนด์บ็อกซ์ที่ภูเก็ต ขึ้นมานำร่อง มั่นใจช่วยให้ค้าปลีกและบริการเป็นอีกเครื่องยนต์ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยว่า ซีอาร์ซีมองเห็นสัญญาณบวกของภาคค้าปลีกและบริการ จากสภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก การเปิดประเทศของจีน รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว จึงเห็นว่าธุรกิจค้าปลีกและบริการจะมีส่วนร่วมในการผลักดันการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ นอกเหนือไปจากภาคการท่องเที่ยว ได้เร็วขึ้น จึงจะได้ร่วมผลักดันกับภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดนี้ หรือรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ
“แม้นักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมา แต่อยากเสนอให้ภาครัฐพิจารณานโยบายการจัดฟรีเทรดโซน สำหรับสินค้าลักชัวรี (สินค้าฟุ่มเฟือย) ซึ่งในประเทศไทยมีอัตราจัดเก็บสูงมาก โดยอาจเริ่มทดลองในการทำแซนด์บ็อกซ์ ที่จังหวัดภูเก็ตก่อน เพื่อพิจารณาข้อดีข้อเสียที่จะเกิดขึ้น เพราะนโยบายนี้จะเป็นตัวเร่งกำลังซื้อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้เงิน ในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลอาจพิจารณาการตั้งภาษีให้ราคาจำหน่ายสินค้าลักชัวรีให้เท่ากับประเทศเพื่อนบ้าน”
ล่าสุดซีอาร์ซี ได้จัดทำแผนงาน 5 ปี ภายใต้ยุทธศาสตร์ CRC Retailligence พร้อมเร่งเครื่อง เพื่อสร้างการเติบโตในปีนี้แบบก้าวกระโดดใน 5 กลุ่มธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่ The Next Sustainable Growth นำธุรกิจค้าปลีกเติบโตอย่างมั่นคง แข็งแกร่ง และยั่งยืน เพื่อให้ภายใน 5 ปีจะมีการลงทุน 150,000 ล้านบาทใน 3 ประเทศ คือ ไทย, เวียดนามและอิตาลี โดยสัดส่วนรายได้จะมีเป้าหมายในไทย ในสัดส่วน 65%, เวียดนาม 30% และอิตาลี 5%
ขณะที่มีเป้าหมายจะเน้นเพิ่มการเติบโตของขนาดธุรกิจให้ได้ 2.5 เท่า กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโต 3.5 เท่า มูลค่าหลักทรัพย์ ตามราคาตลาด เติบโต 2.5 เท่า โดยธุรกิจที่เป็นอับดับหนึ่งจะต้องรักษาและพัฒนาต่อยอดออกไป ขณะที่ธุรกิจเป็นอันดับรองจากคู่แข่ง ต้องเร่งผลักดันขึ้นอับดับหนึ่งให้ได้
“ปีนี้ซีอาร์ซีจะใช้งบลงทุน 28,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนในประเทศไทย 70% ต่างประเทศ (เวียดนามและอิตาลี) 30% คาดว่าจะสร้างรายได้รวม 270,000 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 15% จากปีที่ผ่านมา ที่ได้ดำเนินแผนธุรกิจตามยุทธศาสตร์และสร้างความสำเร็จในการขยายพอร์ตธุรกิจให้เติบโตทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ฟู้ด แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ (สินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์) พร็อพเพอร์ตี้ และเฮลธ์แอนด์เวลเนส สามารถสร้างรายได้รวมเติบโตมากกว่า 20% ถือเป็นผลประกอบการที่เกินเป้าที่ตั้งไว้”
สำหรับยุทธศาสตร์การลงทุนก็จะมีความเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเน้นที่จะสร้างซีอาร์ซีให้เป็นเบอร์ 1 Next-Gen Omni Retailer (ผู้ค้าปลีกออมนิยุคต่อไป) ของเอเชีย พร้อมสร้างการเติบโตในเวียดนามอย่างก้าวกระโดด
สำหรับแผนการขยายสาขาของซีอาร์ซีในส่วนของห้างสรรพสินค้าปีนี้จะเพิ่มอีก 2 สาขา รวมเป็น 86 สาขา, ไทวัสดุ เพิ่ม 10 สาขาเป็น 80 สาขา, ท็อปส์ 15 สาขาเป็น 174 สาขา, โรบินสัน 1 สาขาเป็น 28 สาขา ขณะที่ในเวียดนาม ห้างโก! ในเวียดนาม 5-7 สาขารวม 39 สาขา, โก! ไฮเปอร์มาร์เก็ต 5-8 สาขา รีโนเวตสาขาเดิมอีก 10 สาขา, ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ตและโก! ซุปเปอร์มาร์เก็ต 8-10 สาขา, เหงียนคิม จำหน่ายสินค้าฮาร์ดไลน์ 5 สาขา และรีโนเวตสาขาเดิมอีก 10-12 สาขา.