หลายฝ่ายทั่วโลกร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนให้กับโลกไปพร้อมกับการดำเนินธุรกิจ อุตสาหกรรมอาหารเองก็ขานรับแนวทางนี้อย่างเป็นรูปธรรม โดยตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจจากความตั้งใจจริงของบริษัทผู้ผลิตในอุตสาหกรรมอาหาร คือแนวทางของ “อายิโนะโมะโต๊ะ” ที่เดินทางไปพร้อมกับเจตนารมณ์เรื่องการสร้างสังคมสุขภาพ ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการสร้างความยั่งยืนของโลก ซึ่งแนวทางนี้ก็ชัดเจนขึ้น เมื่อ “โรงงานอายิโนะโมะโต๊ะกำแพงเพชร” ในฐานะโรงงานสีเขียว ได้กลายมาเป็นตัวอย่างที่น่าทึ่ง และช่วยยืนยันได้อีกครั้งว่า การดำเนินธุรกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Bio-Circular-Green Economy) เกิดควบคู่ไปกับการส่งเสริมการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมได้จริงอีกด้วย
วันนี้คงไม่มีใคร ไม่รู้จักชื่อ “อายิโนะโมะโต๊ะ” แต่ภายใต้ชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนาน องค์กรแห่งนี้ก็ขับเคลื่อนตัวเองไปพร้อมกับการดำเนินธุรกิจที่น่าสนใจหลายด้าน โดยเฉพาะการเดินทางภายใต้แนวคิด “อายิโนะโมโต๊ะสร้างคุณค่ากับสังคม (ASV)” เพื่อก้าวสู่การเป็นกลุ่มบริษัทผู้ส่งมอบแนวทางการแก้ปัญหาและนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ
โดยแนวทางที่มุ่งมั่นมาอย่างต่อเนื่อง คือ การสร้างสังคมสุขภาพ ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการสร้างความยั่งยืนของโลก และเพื่อมุ่งสู่การประสบความสำเร็จในเป้าหมายหลัก 2 ประการ นั่นคือ การลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรมทางธุรกิจของอายิโนะโมะโต๊ะให้ได้ 50% ภายในปี 2030 หรือ พ.ศ. 2573 และการมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ให้สำเร็จภายในปี 2050 หรือ พ.ศ. 2593
ทั้งนี้ แนวทางในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอายิโนะโมะโต๊ะในประเทศไทยนั้น ได้ทุ่มเทเพื่อร่วมป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ผ่านการบูรณาการแนวคิด เทคโนโลยี ไปจนถึงกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอน อาทิ การผลิตพลังงานโดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลและพลังงานแสงอาทิตย์ ทดแทนเชื้อเพลิงจากฟอสซิล การอนุรักษ์พลังงาน การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ใช้พลังงานลดลง โดยปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้า พัฒนานวัตกรรมด้านเครื่องจักร รวมถึงการใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานหมุนเวียนต่างๆ ในกระบวนการผลิต โดยตัวอย่างหนึ่งในวันนี้ที่น่าสนใจ และถือเป็นต้นแบบที่น่าทึ่ง คือ “โรงงานอายิโนะโมะโต๊ะกำแพงเพชร” ที่การดำเนินงานในหลายด้านเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
โรงงานอายิโนะโมะโต๊ะกำแพงเพชร ได้เดินหน้าไปพร้อมกับ 5 แนวทางที่น่าสนใจ ที่ไม่เพียงจะเป็นต้นแบบของ อายิโนะโมะโต๊ะโรงงานอื่นๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับหลากหลายองค์กรในอนาคตด้วยเช่นกัน
1. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานทดแทน
โรงงานอายิโนะโมโต๊ะกำแพงเพชร เป็นตัวอย่างของโรงงานที่ใช้พลังงานทดแทน หรือพลังงานหมุนเวียนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างน่าทึ่ง นอกเหนือไปจากการติดตั้ง “Solar Rooftop” แล้ว ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขึ้นมาใช้ อย่างเทคโนโลยี “โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมจากชีวมวล” ที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมาใช้ได้ ช่วยลดการใช้กระแสไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานที่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จึงลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มได้กว่า 50,000 ตัน/ปี นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 130,000 ตันต่อปี อย่าง เทคโนโลยีหม้อต้มไอน้ำพลังงานชีวมวล ซึ่งใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงทางชีวภาพเพื่อผลิตไอน้ำสำหรับใช้ในกระบวนการผลิต ที่ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันเตาได้
2. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรน้ำสูงสุด
โรงงานสีเขียวแห่งนี้มีแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรน้ำตลอดกระบวนการผลิตให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์ได้สูงสุด ผ่านหลักการ 3Rs นั่นคือ Reduce, Reuse และ Recycle โดยขับเคลื่อนผ่านทุกกิจกรรมทางธุรกิจในทุกโรงงาน และสถานประกอบการ ด้วยความตั้งใจจริงที่จะมีส่วนร่วมรักษาทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ โรงงานได้นำเทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงในการบำบัดน้ำที่เหลือจากกระบวนการผลิตมาใช้ โดยให้มีคุณภาพที่สูงกว่าที่กฎหมายกำหนด ก่อนปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติ รวมถึงนำมาหมุนเวียนใช้ภายในโรงงาน จนปัจจุบันสามารถลดปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิตลงได้ถึง 91% ทีเดียว
3. จัดการด้านบรรจุภัณฑ์อย่างเป็นรูปธรรม
เดิมทีพลาสติกจำนวนมากถูกใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าในโรงงานอุตสาหกรรม และการขนส่งสินค้าจากโรงงานไปสู่ผู้บริโภค เหตุนี้ อายิโนะโมะโต๊ะ จึงนำแนวคิดเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์มากขึ้น พร้อมลดปริมาณการใช้พลาสติกสำหรับห่อหุ้มบรรจุภัณฑ์ของสินค้าบางชนิดลง โดยยังสามารถรักษาคุณภาพของสินค้าไว้ดีดังเดิมได้ ทั้งนี้ ได้ยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกพอลิเอทิลีน (PE Bag) ที่ใช้ห่อหุ้มแพ็กบรรจุภัณฑ์ของสินค้า “ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ” ขนาด 1 กิโลกรัม และวัตถุปรุงแต่งอาหาร “รสดี” ขนาด 850 กรัม ทำให้ลดปริมาณการใช้พลาสติกลงได้ถึง 127 ตัน/ปี หรือเทียบเท่ากับขวดน้ำพลาสติกขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 4.2 ล้านขวด กับอีกแนวทางที่น่าสนใจ นั่นคือ การใช้กลไกการจัดซื้ออย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบที่มีแนวทางที่เป็นมิตร หรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด เช่น การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์กระดาษที่ผลิตตามมาตรฐาน FSC เป็นต้น
4. จัดการของเหลือจากกระบวนการผลิตให้เกิดผล
ในแต่ละปี อาหารกว่า 1,300 ล้านตัน หรือ 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตได้ทั่วโลก กลายเป็นขยะอาหารที่ถูกทิ้งไปอย่างสูญเปล่าและสร้างก๊าซเรือนกระจกถึง 8% (ข้อมูลจาก Food Waste Index Report ของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ - UN Environment Program) ในฐานะบริษัทผู้ผลิตอาหาร อายิโนะโมะโต๊ะ ได้เดินหน้าส่งเสริมการบริหารจัดการทุกกิจกรรมทางธุรกิจเพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โดยมุ่งลดการสูญเสียอาหารตลอดห่วงโซ่คุณค่า ภายใต้แนวคิด “TOO GOOD, TOO WASTE” ที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2561 จนปีงบประมาณที่ผ่านมา อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย สามารถลดปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหารได้แล้วถึง 43% (หรือ 843 ตัน) จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 50% ภายในปี พ.ศ. 2568
ขณะเดียวกันก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรมหลากหลายเพื่อใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าสูงสุด ตั้งแต่การบริหารจัดการกระบวนการผลิตโดยไม่ก่อให้เกิดของเสีย การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่เหมาะสมด้วยการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีที่ทันสมัย การมุ่งลดของเสียในกระบวนการจัดจำหน่าย อีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การนำน้ำหมักที่เหลือจากกระบวนการผลิตผงชูรส ที่อุดมไปด้วยคุณค่าและสารอาหารที่จำเป็นจำนวนมาก มาพัฒนาต่อยอดเป็น ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยน้ำ อามิ-อามิ® สำหรับใช้ในการเกษตร นับเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG หรือ Bio-Circular-Green Economy) โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ด้วยเจตนารมณ์ในการเป็นบริษัทต้นแบบทางธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการสร้าง “ผลิตภัณฑ์ร่วม” ที่เกิดประโยชน์
5. มีส่วนร่วมกับชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน
520,000 ตันต่อปี คือตัวเลขของปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากเกษตรกรไทยของ อายิโนะโมะโต๊ะ เพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ เหตุนี้ อายิโนะโมะโต๊ะ กับเกษตรกรไทย จึงเกื้อหนุนกันและกันอย่างแนบแน่น การสร้างความยั่งยืนที่แท้จริง จึงหมายถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชนและสังคมอย่างจริงจังและจริงใจ ทั้งนี้ อายิโนะโมะโต๊ะ เดินทางผ่านแนวคิด “Thai Farmer Better Life Partner” เพื่อร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ผ่านการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้กับเกษตรกร ให้ความรู้ด้านการปรับปรุงดิน การพัฒนาสายพันธุ์มันสำปะหลัง รวมถึงผลักดันให้เกิดการคุ้มครองความเสี่ยงในด้านสภาวะอากาศ (Weather Insurance System) ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง โดยเริ่มจากจังหวัดกำแพงเพชร
เรื่องน่าสนใจ คือ อายิโนะโมโต๊ะ ตั้งห้องวิเคราะห์โรคใบด่างฯ ด้วยวิธี DAS-ELISA เพื่อสนับสนุนท่อนพันธุ์และต้นพันธุ์มันสำปะหลังที่สะอาดปราศจากโรคใบด่างฯ กว่า 150,000 ต้น โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2564 ขณะเดียวกันก็ทำแปลงทดลองภายใน และจัดทำแปลงร่วมกับเกษตรกรสำหรับขยายต้นพันธุ์มันสำปะหลังที่สะอาด ปราศจากโรคใบด่าง และทนทานต่อโรค เพื่อมอบให้กับเกษตรกรในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าที่จะทำแปลงร่วมกับเกษตรกรในจังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 500 ไร่ในปีนี้ และเพิ่มอีกจำนวน 1,000 ไร่ ในปีถัดไป พร้อมสร้างความร่วมมือกับเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร และพาณิชย์จังหวัดกำแพงเพชร ควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ เพื่อวางเป้าหมายตัดวงจรการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังไม่ให้ขยายตัวไปยังพื้นที่อื่นๆ รวมถึงเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโรคดังกล่าวอีกด้วย
การสร้างความยั่งยืนที่แท้จริง จึงหมายถึงการเดินทางที่ครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งการลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรมเช่นนี้ ก็ช่วยสะท้อนถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องได้อย่างมหาศาล ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งแรงกระเพื่อมไปถึงอีกหลายภาคส่วนในสังคม ให้ลุกขึ้นมาสร้างความยั่งยืนให้แก่โลกใบนี้อย่างจริงจัง ทั้งเพื่อวันนี้ และอนาคตนั่นเอง
สำหรับวันนี้ สามารถทำความรู้จัก “โรงงานอายิโนะโมะโต๊ะกำแพงเพชร” ต้นแบบโรงงานสีเขียว ผ่านแพลตฟอร์มการเยี่ยมชมโรงงานเสมือนจริงในรูปแบบออนไลน์ด้วยมุมมอง 360 องศา รวมถึงทำความรู้จักการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวทาง "การสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมของอายิโนะโมะโต๊ะ (The Ajinomoto Group Creating Shared Value: ASV) " ของ อายิโนะโมะโต๊ะ เพิ่มเติมได้ที่ www.ajinomoto.co.th