ค้าปลีก-สสว. จับมือหนุนโครงการ SME ชัวร์

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ค้าปลีก-สสว. จับมือหนุนโครงการ SME ชัวร์

Date Time: 2 ก.ย. 2565 04:47 น.

Summary

  • สสว.จับมือพันธมิตรค้าปลีกรายใหญ่ ทั้งกลุ่มซีพี เซ็นทรัล เดอะมอลล์ PT TOR ฯลฯ เดินหน้าเพิ่มช่องทางขายสินค้า “SME ชัวร์” ทั่วประเทศ พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน

Latest

รอบรั้วการตลาด : Mega Clinic ทำ all-time high เปิดกลยุทธ์ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย

สสว.จับมือพันธมิตรค้าปลีกรายใหญ่ ทั้งกลุ่มซีพี เซ็นทรัล เดอะมอลล์ PT TOR ฯลฯ เดินหน้าเพิ่มช่องทางขายสินค้า “SME ชัวร์” ทั่วประเทศ พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน สร้างความเชื่อมั่นให้สินค้า SME เชื่อจะช่วยพลิกฟื้นธุรกิจ สร้างผู้ประกอบการรายใหม่ ขยายช่องทางตลาดให้สินค้า SME เตรียมเสนอมาตรการ “ช็อป SME มีคืน” กระตุ้นการขายให้ SME ต่อเนื่องปลายปี 65

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายวีระพงศ์ มาลัย ผอ.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ในปี 2565 นโยบายสำคัญที่ สสว.เร่งดำเนินการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs คือ การบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐภาคเอกชน ในการขยายโอกาสทางการตลาด เพื่อช่วยพลิกฟื้นธุรกิจของผู้ประกอบการให้เดินหน้าต่อได้ รวมถึงสร้าง SME รายใหม่ๆในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก สนับสนุนการพัฒนาสินค้า SME ให้ได้รับความเชื่อมั่นและยอมรับจากกลุ่มผู้บริโภค โดย สสว.เตรียมเดินหน้าโครงการ “SME ชัวร์” ที่ร่วมมือกับพันธมิตรค้าปลีกรายใหญ่ ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ

นายวีระพงศ์กล่าวด้วยว่า โครงการ SME ชัวร์ สสว.ร่วมกับผู้ประกอบการค้าปลีก อาทิ กลุ่มซีพี เซเว่นอีเลฟเว่น แม็คโคร เทสโก้โลตัส กลุ่มเซ็นทรัล ท็อปส์ B2S กลุ่มเดอะมอลล์ สยามพารากอน กลุ่มทีซีซีกรุ๊ป บิ๊กซี สถานีบริการน้ำมันและร้านกาแฟ Café Amazon ของบริษัท PTTOR จำกัด (มหาชน) ฯลฯ ด้วยการติดตราสัญลักษณ์ “SME ชัวร์” ที่ชั้นวางจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองความเป็น SME จาก สสว. ครอบคลุมทั้งผู้ประกอบการรายใหม่ๆ รวมถึงผู้ที่วางขายสินค้าในห้างค้าปลีกอยู่แล้ว เพื่อจูงใจและสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคได้ทันทีว่าได้อุดหนุนสินค้าของ SME ไทย

“เป้าหมายของโครงการ นอกจากเป็นการสร้างความมั่นใจในการซื้อสินค้าจาก SME แล้ว เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มจำนวน SME รายใหม่ๆในธุรกิจค้าปลีกให้มากขึ้น ช่วยให้ผู้ประกอบการมีช่องทางการขายและมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ส่วน SME ที่ขายสินค้าในห้างค้าปลีกอยู่แล้ว เมื่อได้รับการรับรองความเป็น SME จาก สสว. จะได้โอกาสในตลาดใหม่ๆ ทั้งในประเทศต่างประเทศที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ จัดให้ เช่น กลุ่มตลาด CLMV ตลาดประเทศจีน ฯลฯ ขณะเดียวกันจะเป็นการเพิ่มสัดส่วนซัพพลายเออร์ที่เป็น SME ของห้างค้าปลีกให้เพิ่มมากขึ้น คาดว่าโครงการนี้จะช่วยให้ SME พลิกฟื้นธุรกิจและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง” นายวีระพงศ์กล่าว

ผอ.สสว.กล่าวอีกว่า ผู้ประกอบการที่จะได้รับการรับรองความเป็น SME จาก สสว. ต้องมีคุณสมบัติดังนี้ ถ้าเป็นกิจการในภาคการผลิตต้องมีรายได้รวมไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี ถ้าเป็นกิจการในภาคการค้าและบริการ ต้องมีรายได้รวมไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อปี ผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองความเป็น SME เรียบร้อยแล้ว ยังมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ที่ สสว.เชื่อมโยงไว้ ไม่ว่าจะเป็นตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ตลาดออนไลน์ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานสินค้าจากโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) ของ สสว. รับสิทธิในการเข้ารับการอบรม พัฒนา ยกระดับศักยภาพจากผู้ค้าปลีกรายใหญ่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าของ SME อีกด้วย

“สสว.ยังได้วางแผนต่อยอดความช่วยเหลือ โดยจะนำเสนอมาตรการ “ช็อป SME มีคืน” ต่อรัฐบาลภายในปีนี้ แนวคิดเบื้องต้นจะกำหนดให้ผู้ที่ซื้อสินค้า “SME ชัวร์” วงเงินไม่เกิน 10,000 บาท นำมาหักลดหย่อนภาษีได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดและเตรียมประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะนำเสนอบอร์ดบริหาร สสว.และบอร์ดส่งเสริม SME ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป” ผอ.สสว.กล่าวตอนท้าย


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ