อิตัลไทยอุตสาหกรรม มองครึ่งปีหลัง 65 ธุรกิจก่อสร้าง เกษตรกรรมยังเติบโต

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

อิตัลไทยอุตสาหกรรม มองครึ่งปีหลัง 65 ธุรกิจก่อสร้าง เกษตรกรรมยังเติบโต

Date Time: 8 ก.ค. 2565 21:24 น.

Video

เศรษฐกิจไทย เสี่ยงวิกฤติหนักแค่ไหน เมื่อต้องเปลี่ยนนายกฯ | Money Issue

Summary

  • อิตัลไทยอุตสาหกรรม มองครึ่งปีหลัง 65 ธุรกิจก่อสร้าง บ่อดิน บ่อทราย และเกษตรกรรมเติบโตตามเศรษฐกิจโลกที่คลี่คลาย

Latest


อิตัลไทยอุตสาหกรรม มองครึ่งปีหลัง 65 ธุรกิจก่อสร้าง บ่อดิน บ่อทราย และเกษตรกรรมเติบโตตามเศรษฐกิจโลกที่คลี่คลาย

เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 65 นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด หรือ ITI กล่าวว่า เราประเมินว่ากลุ่มอุตสาหกรรมงานก่อสร้างและเกษตรกรรมจะยังมีโอกาสเติบโตระยะยาว โดยในปีนี้เราคาดว่าจะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 18,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แม้อุตสาหกรรมก่อสร้างในส่วนเมกะโปรเจกต์ชะลอตัว แต่ไตรมาส 1/65 ที่ผ่านมาตลาดเครื่องจักรกลหนักยังเติบโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หากวิกฤติเศรษฐกิจโลกเริ่มคลี่คลาย คาดว่าผู้ประกอบการจะกลับมาเร่งดำเนินโครงการแบ็กล็อกคงค้างต่างๆ ให้แล้วเสร็จ แต่อาจปรับเปลี่ยนรูปแบบลงทุนตามสภาพเศรษฐกิจ เน้นมองหาสินค้าที่จะช่วยให้คืนทุนเร็วเป็นสำคัญ

ล่าสุด เราได้ร่วมกับ Shandong Lingong Construction Machinery หนึ่งในสามผู้ประกอบการรายใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศจีน เปิดตัวรถขุดขนาด 20-21 ตัน รุ่นล่าสุด SDLG E6205F และ E6210F รองรับลูกค้า กลุ่มงานก่อสร้าง อุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ดังนั้นเชื่อว่าด้วยคุณสมบัติของรถขุดทั้ง 2 รุ่นที่มีความคงทน คุ้มค่า ด้วยคุณภาพและราคาที่เหมาะสม จึงน่าจะเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ที่ช่วยตอบโจทย์ด้านการบริหารต้นทุนให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

ด้านนายสกนธ์ ศรีวรรณวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า การขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์จากเดิมที่มีรถตักล้อยาง รถขุดขนาดเล็ก ขนาดกลาง สู่ รถขุดขนาด 20 ตัน SDLG E6205F และ E6210F ก็เพื่อเพิ่มโอกาสทางการขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มงานก่อสร้างทั่วไป งานการทาง งานบ่อดิน บ่อทราย และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งรถขุดขนาด 20 ตันคิดสัดส่วนเป็น 50% ของตลาดรถขุดในไทย

ทั้งนี้ เราได้วางแผนรุกและขยายตลาดไปยังงานก่อสร้างทั่วไป งานบ่อดิน บ่อทราย ภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ซึ่งเป็นฐานตลาดที่ตรง สำหรับรถขุดขนาด SDLG จะเน้นไปผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตรงความต้องการของกระบวนการผลิต มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ

รวมถึงต้นทุนการบำรุงรักษาที่จะช่วยลูกค้าบริหารต้นทุนให้คุ้มค่าครบวงจร คาดว่าปี 2565 จะสามารถทำยอดขายรถขุด SDLG ทุกรุ่น ประมาณ 200 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 600 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งในตลาดรถขุดในประเทศไทยประมาณ 3%


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์