ชื่อของ “กรณ์ ณรงค์เดช” ไฮโซจากตระกูลดังและนักธุรกิจหนุ่มที่มีผู้สนใจและติดตามจำนวนมาก หลังจากที่ตระกูลณรงค์เดชเข้าเทคโอเวอร์บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML หนึ่งในผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และได้เข้ามาบริหารในต่ำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารในต้นปีที่ผ่านมา
มาถึงปัจจุบันนี้ เขาได้เพิ่มเติมแนวคิดใหม่ของโครงการพัฒนาอสังหาของ “ความหรูหราเหนือระดับ” หรือซุปเปอร์ลักชัวรี ตอกย้ำจุดแข็งความเข้าใจอย่างแท้จริงในทุกโครงการที่อยากให้เป็นแลนด์มาร์ก จากประสบการณ์เดิมที่เคยบริหารธุรกิจอสังหาของครอบครัวภายใต้บริษัทเคพีเอ็นแลนด์ จำกัด
เขาได้ประกาศโมเดลธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจว่า ในยุคนี้แค่ซุปเปอร์ลักชัวรียังไม่เพียงพอ ต้องเติม “แบรนด์” เพิ่มเติมเสริมให้โครงการมีเสน่ห์และดึงดูดกลุ่มลูกค้ามหาเศรษฐีควักกระเป๋าจ่ายเงินทันทีโดยไม่ต้องลังเล ภายใต้โมเดล Branded Residences เป็นการลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาร่วมกับแบรนด์ระดับโลก ในรูปแบบบ้านและคอนโดมิเนียมโดยใช้แบรนด์และบริหารโดยโรงแรมระดับเวิลด์คลาส
จุดเด่นคือ การบริการระดับซุปเปอร์ลักชัวรี พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายและให้ประสบการณ์กับลูกค้าเหมือนพำนักในโรงแรมระดับ 5 ดาวตลอดเวลา และโครงการแรกที่เปิดเผยออกมาก็คือการร่วมมือกับแบรนด์ Rosewood (โรสวูด) ผู้บริหารโรงแรม รีสอร์ตและที่พักอาศัย วิลล่า คฤหาสน์ และอพาร์ตเมนต์ระดับ 5 ดาว ในย่านดังทั่วโลก
โครงการแรกคือ Rosewood Resi dences Kamala บ้านพักอาศัยเลียบแนวเขาที่สามารถมองเห็นแนวชายฝั่งหินทอดยาวไปถึงท้องทะเล เป็นพื้นที่ “Millionaires Mile” อ่าวกมาลา คลาคล่ำไปด้วยบ้านพักส่วนตัวของเศรษฐีจากทั่วโลก เป็นโลเกชันที่มีความเป็นส่วนตัวสูงและบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินที่งดงามที่สุด และจะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดภูเก็ต
โครงการแห่งนี้จะมีเพียง 14 ยูนิตเท่านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ ราคาตั้งแต่ระดับ 100–1,000 ล้านบาท
“กรณ์” กล่าวถึงสาเหตุที่เลือกใช้แบรนด์ Rosewood เพราะเป็นแบรนด์ที่มีอัตราเติบโตเร็วที่สุด ลูกค้าระดับเศรษฐีให้การยอมรับ และมีดีเอ็นเอตรงกับทาง RML ที่ความเป็นกบฏนิดๆ
สำหรับโครงการลงทุนในปีนี้จะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ภายใต้โมเดล Branded Residences และโครงการแนวราบ ขณะที่โครงการในอนาคต โมเดลดังกล่าวจะมีสัดส่วนถึง 70-80% เพราะนอกเหนือจากสร้างแวลูให้กับสินทรัพย์แล้ว ผู้พัฒนาโครงการยังสามารถทำราคาขึ้นไปอีก 10-15% เมื่อเทียบกับโครงการซุปเปอร์ลักชัวรีทั่วไป
ขณะเดียวกัน ธุรกิจหลักของ RML ได้ ขยายฐานลูกค้าลงมาเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุน้อยที่มีอำนาจซื้อมาก จากสมัยก่อนอายุ 45 ปี ลงมาจับกลุ่ม 26-35 ปี ที่สร้างตัวเร็วในยุคคริปโต รวมไปถึงการลงทุนในโครงการใหม่จะพัฒนาแบรนด์ให้แข็งแรง พร้อมกับร่วมลงทุนกับเจ้าของที่ดิน รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อมกับการลงทุนพัฒนาแนวราบเพิ่มเติมซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้เร็วประมาณ 12-17 เดือน ต่างจากการลงทุนคอนโดมิเนียมซึ่งต้องใช้เวลา 4-5 ปี เพื่อการรับรู้รายได้สม่ำเสมอ
การวางแผนลงทุนจะต้องมองระยะยาว 5–10 ปีข้างหน้า เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th