กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จับมือ CPALL ช่วยผู้ประกอบการรายย่อยสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด ตอบโจทย์เทรนด์การค้าทุกมิติ
เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 65 ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ DIPROM กล่าวว่า ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ Modern Trade ในประเทศไทย มีแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลคาดการณ์ระหว่างปี 2564-2566 พบว่ามีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 1.5-2.5% โดยปัจจัยหนึ่งมาจากการที่สามารถตอบสนองพฤติกรรมและความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างตรงจุดเพราะกระจายตัวอยู่ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ มีความหลากหลายของสินค้าและผลิตภัณฑ์ จึงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวกสบายภายใต้ภาวการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ทั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐานและศักยภาพสำหรับการผลิตและจัดส่งสินค้าไปยังตลาดโมเดิร์นเทรด ซึ่งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เห็นโอกาสสำคัญในครั้งนี้และได้เน้นย้ำให้ ดีพร้อม ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่โดยตรงในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ เร่งฟื้นฟูและพัฒนาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ
โดยที่ผ่านมาเพื่อเสริมสร้างศักยภาพความพร้อมรองรับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน จึงเดินหน้าจัดกิจกรรม ดีพร้อม พัฒนาผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมขยายสู่ช่องทางธุรกิจการค้าสมัยใหม่ หรือ Gifted DIPROM – Modern Trade เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสและช่องทางการตลาดและทดสอบตลาดของผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องตรงกับความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรภาคเอกชนเพื่อให้เข้ามาช่วยส่งเสริมสนับสนุนทุนเพื่อธุรกิจ พร้อมเปิดช่องทางตลาดค้าปลีกสมัยใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน อันสอดคล้องกับนโยบาย DIPROM CARE: ดีพร้อมแคร์ ในส่วนของการขยายพันธมิตรภาคธุรกิจ (E-Engagement) เพื่อการสนับสนุนให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ รวมทั้งขยายช่องทางการตลาดและเพิ่มโอกาสในการจัดจำหน่าย พร้อมยกระดับครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรม
ล่าสุด ดีพร้อม ได้ร่วมมือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่นและเซเว่น เดลิเวอรี่จัดกิจกรรม DIPROM MOVE TO MODERN TRADE ผ่านรูปแบบการสัมมนาออนไลน์ให้ความรู้และตามด้วยกิจกรรมที่มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และต่อยอดให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพให้เข้าสู่ตลาดค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ Modern Trade ได้อย่างแข็งแกร่ง อันเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาช่วยกระตุ้นบริบททั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคม
ขณะเดียวกันกิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชนได้มีโอกาสวางจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทั้งช่องทางออนไลน์ที่ ALL ONLINE บน 7 แอป และช่องทางออฟไลน์ภายในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ที่มีอยู่กว่า 10,000 สาขาทั่วประเทศ ที่จะทำให้ธุรกิจของผู้ประกอบการมีโอกาสเติบโตสามารถขยายฐานผู้บริโภค ทั้งยังเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน ตรงตามความต้องการตลาด พร้อมทั้งส่งเสริมผู้ประกอบการให้เข้าใจตลาดที่เปลี่ยนแปลงด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้สร้างความแตกต่างและสร้างมูลค่าให้กับสินค้า
รวมถึงเปิดมุมมองการตลาดดิจิทัล หรือ Digital Marketing การจัดทำโปรโมชัน เพื่อส่งเสริมการขายซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของธุรกิจในยุคปัจจุบัน ตลอดจนเรียนรู้การธุรกิจด้วยกลยุทธ์ใหม่ๆ โดย ดีพร้อม จะร่วมดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ประกอบการที่มีความต้องการเข้าสู่ตลาดค้าปลีกแบบใหม่และมีความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกผลิตภัณฑ์ โดยคาดว่านำร่องในความร่วมมือกันครั้งนี้จะมีผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมเข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรดมากกว่า 25 ธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม การร่วมมือกันระหว่างดีพร้อมและซีพี ออลล์ ในครั้งนี้ ถือเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ รวมถึงกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจแต่ยังไม่มีโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังช่องทางการจำหน่ายที่เป็นที่นิยมของกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเข้มแข็งทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ขณะเดียวกัน ดีพร้อม ยังคงเดินหน้าด้านความร่วมมือกับองค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านต่าง ๆ ในการมุ่งเน้น ส่งเสริม สนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการดำเนินธุรกิจในทุกมิติอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2565 อีกด้วย
ด้าน นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่นและเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า โครงการ DIPROM MOVE TO MODERN TRADE ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการความร่วมมือสำคัญระหว่างภาครัฐและเอกชนที่จะเป็นโมเดลในการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจเอสเอ็มอีให้เติบโตและสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ผ่านการให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ ซึ่งโครงการนี้มีระยะเวลาทั้งสิ้น 7 ครั้ง อบรมออนไลน์ทุกวันเสาร์ จำนวน 3 ชั่วโมง
โดยจัดอบรมครั้งแรกในวันเสาร์ที่ 28 พ.ค. 65 โดยตลอดระยะเวลาของการอบรม ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้เรียนรู้ตั้งแต่เรื่องการเขียน Business Plan การทำ Marketing Plan เทคนิคการหาทุนเสริมธุรกิจ การบริหารการเงินแบบมืออาชีพ การออกแบบผลิตภัณฑ์ เทรนด์ธุรกิจยุค 5G การยกระดับสินค้าด้วยนวัตกรรมอีกด้วย