อีฟแอนด์บอย เผยยอดขาย "น้ำหอม" โตเท่าตัว หลังโควิดทำคนเครียด ดันออเดอร์พุ่ง 2 แสนชิ้น พร้อมปักธงลุยออนไลฟ์ ออฟไลน์ โฟกัสโปรดักต์ตอบโจทย์ตลาดครบทุกเซกเมนต์
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 65 นายหิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด หรือ EVEANDBOY กล่าวว่า ช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่กินเวลานานกว่า 2 ปีนั้นได้สร้างผลกระทบ และความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งธุรกิจกลุ่มเครื่องสำอางก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ที่ผ่านมาเราอยู่กับการทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home การล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด รวมไปถึงความระมัดระวังในเรื่องการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้ยอดขายของอีฟแอนด์บอยลดลงประมาณ 20%
อย่างไรก็ตาม EVEANDBOY จึงได้เร่งปรับแผนกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการพัฒนาช่องขายออนไลน์ ผ่าน e-Commerce และ Social Commerce นอกเหนือจากการขายผ่านมาร์เก็ตเพรส เช่น ลาซาด้า หรือช้อปปี้ ซึ่งเราให้ความสำคัญในการขายสินค้าผ่าน www.EVEANDBOY.com หรือแอปพลิเคชัน EVEANDBOY
โดยเราพบว่า ยอดการซื้อสินค้าผ่าน e-Commerce คิดเป็นมูลค่า 10% จากยอดทั้งหมดของอีฟแอนด์บอย ในปี 65 นี้ เราคาดว่ายอดขายผ่านออนไลน์จะโตอีก 2.3 เท่า หรือประมาณ 500 ล้านบาท คิดเป็น 10% ของยอดขายรวม
"ข้อดีของการขายผ่านช่องทางออนไลน์ เราสามารถเก็บ Data ของลูกค้ามาออกแบบการตลาด และนำเสนอโปรโมชันที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละบุคคลได้ ที่ผ่านมาเราพบว่า ลูกค้าซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของ EVEANDBOY ไม่ต่ำกว่า 2,000 บาทต่อออเดอร์ ซึ่งสูงกว่าขายหน้าร้าน รวมถึงสัดส่วนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 60% และเป็นลูกค้าต่างจังหวัดที่เราไม่เคยเปิดสาขาเลยถึง 50% ปัจจุบันมีลูกค้าที่แอกทีฟอยู่บนแพลตฟอร์มเราประมาณ 1 ล้านยูสเซอร์"
นายหิรัญ กล่าวอีกว่า หากย้อนดูหมวดหมู่ที่ได้รับความนิยมในปี 2019 จะพบว่า กลุ่มเครื่องสำอางขายได้มากถึง 48% ขณะที่กลุ่มสกินแคร์อยู่ที่ 35% ตามาด้วยกลุ่มน้ำหอม 6% แต่ในปี 2021 สินค้าในกลุ่มเครื่องสำอางยอดขายเหลือเพียง 29% ในขณะที่กลุ่มสกินแคร์มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 38% และกลุ่มน้ำหอมมียอดขายสูงถึง 14%
"เราพบว่ากลุ่มน้ำหอมเป็นสินค้าขายดีที่สุดทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ซึ่งสัญญาณนี้ไม่ได้เป็นแค่ประเทศไทยแต่เป็นทั่วโลก เนื่องจากคนส่วนใหญ่มีความเครียดจากการทำงานที่บ้าน และการล็อกดาวน์ สินค้าประเภทน้ำหอม เทียนหอม จึงขายดี ซึ่ง EVEANDBOY ก็ได้ปรับเพิ่มสินค้าในหมวดนี้ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยมีเทียนหอม และ Room Diffuser เข้ามาขายเพิ่มด้วย"
นอกจากนี้ เรายังพบว่า เทรนด์การแต่งหน้าได้ปรับเปลี่ยนจากความสวยงามไปโฟกัสที่การดูแลผิวแทนและเป็นการแต่งหน้าเฉพาะส่วนเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ยังคงต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และในปี 65 นี้ เราจะมีสินค้าเคาน์เตอร์แบรนด์และน้ำหอมแบรนด์ดังมาเสริมทัพ พร้อมด้วยกลุ่มสินค้า K-Beauty เครื่องสำอางจากเกาหลีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นให้เลือกอย่างหลากหลายแบรนด์ ตอบโจทย์ความต้องการในทุกเซกเมนต์
"จากการปรับตัวและเสริมสร้างแผนธุรกิจให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างยอดขายสินค้าสวนกระแสเศรษฐกิจท่ามกลางสถานการณ์โควิด ด้วยยอดขายลิปสติก สูงกว่า 2,377,583 ชิ้น รองลงมาคือ Blush จำนวน 454,024 ชิ้น Mask จำนวน 1,698,611 ชิ้น และน้ำหอม 228,009 ชิ้น"
สำหรับแผนการขยายสาขาไปตามหัวเมืองที่มีศักยภาพ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างกระจายตัวและเจาะลึกถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด โดยในปีนี้ อีฟแอนด์บอย มีแพลนเปิดสาขาใหม่อีก 3 แห่ง ประเดิมปีนี้ด้วยการเปิดสาขา MBK Center เมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ส่วนอีก 2 แห่งอยู่ระหว่างการศึกษาพื้นที่และขั้นตอนการเจรจาธุรกิจ ปัจจุบันอีฟแอนด์บอยมีทั้งหมด 16 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 12 สาขา และต่างจังหวัด 4 สาขา
ขณะเดียวกัน อีฟแอนด์บอย ได้จัดงานมอบรางวัล EVEANDBOY Best Selling Award 2021 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจและเป็นกำลังใจให้กับแบรนด์ต่างๆ โดยการตัดสินผลรางวัลจากยอดขายจริงทั่วประเทศจำนวนกว่า 85 รางวัล ถือเป็นรางวัลที่ส่งมอบให้แก่คู่ค้าแบรนด์ต่างๆ ที่เป็น Official Partne ทั้งแบรนด์จากต่างประเทศ อย่างอเมริกา ยุโรป เกาหลี และแบรนด์ของคนไทย ซึ่งล้วนเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมสูงสุดจากลูกค้าของอีฟแอนด์บอยอีกด้วย.