แม็คโคร ดันแพลตฟอร์ม maknet ตั้งเป้าเป็น B2B Marketplace ที่ 1 ของไทย

แม็คโคร ปล่อยแพลตฟอร์ม maknet ดันเป็นศูนย์กลางตลาดค้าส่งออนไลน์เพื่อผู้ประกอบการ ตั้งเป้าเป็น B2B Marketplace ที่ 1 ของไทย

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 65 นายริคาร์โด เบารอตโต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หน่วยธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการของลูกค้าผู้ประกอบการส่วนใหญ่หันไปสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม็คโครมีอัตราส่วนยอดขายผ่านช่องทาง Omni Channel เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว 

ทั้งนี้ เราจึงได้เปิดตัว maknet B2B Marketplace เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการในรูปแบบ End to End Solution โดยใช้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของแม็คโครกว่า 32 ปี ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทางการค้าและผู้ผลิตรายย่อย หรือ SME กว่า 5,000 ราย ในการนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบวงจรในราคาที่คุ้มค่า

เราเชื่อมั่นว่า maknet จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารและการท่องเที่ยว รวมถึงเศรษฐกิจไทยโดยรวม และจะเป็น New S-Curve ที่สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจแม็คโคร และก้าวสู่การเป็น B2B Marketplace อันดับ 1 ของประเทศ

นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายธุรกิจดิจิทัล บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เราพัฒนา maknet ให้เป็นตลาดค้าส่งออนไลน์ที่เป็นศูนย์กลางให้ผู้ประกอบการโฮเรก้าได้เข้ามาซื้อขายและใช้บริการอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเริ่มเปิดธุรกิจ หรือต้องการขยายธุรกิจเพิ่มเติม ผ่านกลยุทธ์ End to End Solution

ทั้งความครอบคลุมสินค้าที่หลากหลาย ครบทุกความต้องการ จบได้ในที่เดียว บริการอื่นๆ ที่ผู้ประกอบการต้องการเพื่อทำธุรกิจแบบครบวงจร และการเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นสร้างความสะดวกและประสบการณ์ที่ดี ด้วยการส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ โดยผู้ซื้อสามารถกำหนดวันรับสินค้าได้ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการชำระเงินที่หลากหลาย

สำหรับแผนการพัฒนา maknet B2B Marketplace ในปี 2565 นี้ เราตั้งเป้าหมายฐานลูกค้า 50,000 รายภายในสิ้นปี และเพิ่มขึ้นเป็น 500,000 รายภายใน 3 ปีข้างหน้า ปัจจุบัน maknet นำเสนอสินค้าและบริการมากกว่า 30,000 รายการ จากทั้งแม็คโคร ผู้ผลิตแบรนด์ชั้นนำ

รวมถึงผู้ผลิตสินค้ารายย่อย ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าที่ผู้ประกอบการต้องการ อาทิ กลุ่มอาหารสด อาหารแห้ง บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ตลอดจนอุปกรณ์และบริการสำหรับธุรกิจโฮเรก้า โดยสิ้นปี 2565 คาดว่าจะขยายสินค้าและบริการเพิ่มเป็น 100,000 รายการ รวมถึงมีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ประกอบการที่เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง